“ชัยวุฒิ-ชัชชาติ” จับมือชนหมัด ลุยรื้อสายสื่อสาร 800 กม.ในปีนี้ หลังครึ่งปีทำแล้ว 20 กม. ด้านชัชชาติแซวของบ หมื่นล้าน จ่อเข้มม.39 พ.ร.บ.ความสะอาดจัดการเอกชนพาดสายไม่ขออนุญาต

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 ที่อาคาร NT TOWER นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พร้อมกับ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ร่วมหารือในประเด็นนโยบายการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยมีตัวแทนจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มาร่วมด้วย

ภายหลังการหารือ นายชัชชาติ กล่าวว่าอันดับแรกต้องขอบคุณรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ที่จัดประชุมในครั้งนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารรกรุงรัง ประกอบกับช่วงหลังมานี้มีเหตุเพลิงไหม้จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายหน่วยงานรับผิดชอบ ซึ่งทางรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ รับเป็นหน่วยงานกลางเพื่อประสานความรับผิดชอบ

นายชัชชาติ กล่าวว่ามีสองประเด็นที่ต้องเร่งดำเนินการคือเรื่องของการจัดระเบียบสายสื่อสารที่รกรุงรัง อาจจะยังไม่ต้องนำทั้งหมดลงดินทันที แต่จะต้องรื้อสายที่ไม่ได้ใช้งานทั้งหมดออกก่อน และทาง กสทช.มีแผนเรื่องนี้อยู่และจะมีเงินทุนอุดหนุนให้ด้วย

...

ทั้งนี้มีการวางเป้าหมายเอาไว้ในปีแรกนี้ 2565 ระยะทาง 800 กิโลเมตรจะต้องจัดการให้เรียบร้อย ในส่วนของกรุงเทพฯ ชั้นใน แต่ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายเพราะขณะนี้ล่วงมาถึงเดือนกรกฎาคมแล้ว ซึ่งมีรายงานว่าทำไปได้เพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น ทั้งนี้เราจะต้องผลักดันให้ได้โดยเป็นสัญญา ซึ่งเป็นเรื่องสอดคล้องที่ตนได้เคยให้นโยบายรายเขตไว้ ให้ดูพื้นที่ที่เป็นต้นแบบ

และสำหรับการจัดระเบียบเรื่องนี้ต้องมีการเร่งดำเนินการไปให้ได้จนถึงปีหน้า ส่วนประเด็นเรื่องการนำสายสื่อสารลงดิน จะต้องมีการพิจารณาถึงค่าเช่าท่อด้วย เพราะหากมีราคาสูงจะส่งผลกระทบกับผู้ให้บริการภาคเอกชน เรื่องนี้จึงต้องมีการจัดตั้งคณะทำงาน เพื่อพิจารณาการนำสายสื่อสารลงดิน

นายชัชชาติ กล่าวยืนยันว่าทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ไม่ได้มีปัญหาในการดำเนินการ เพราะการจะนำสายสื่อสารลงดินมีต้นทุนอยู่แล้วทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ที่ทำท่อและเจ้าของสายต่างๆ เมื่อมีการลงทุนจึงจะต้องมีการแบ่งเป็นระยะ ส่วนตัวเชื่อว่าทั้งหมดนี้จะมีความเป็นรูปธรรมตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป

นายชัชชาติ กล่าวต่อว่าในส่วนการจัดระเบียบสายสื่อสารทางกทม.อาจจะต้องมีการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความสะอาดมาตรา 39 จัดระเบียบสายที่รกรุงรัง หลังจากนี้จะต้องพิจารณาอนุญาตเฉพาะสายสื่อสารที่ กสทช.อนุญาตให้ใช้งานร่วมได้ และจะต้องมีการกำหนดค่าปรับ หลังจากนี้หากใครมาใช้งานร่วมโดยไม่มีใบอนุญาตก็จะต้องถูกดำเนินการ ตั้งข้อหา เพื่อไม่ให้เกิดกลุ่มที่มาลักลอบพาดสาย

ขณะที่นายชัยวุฒิ กล่าวย้ำว่าการจัดระเบียบเรื่องสายสื่อสารรัฐบาลมีการตั้งงบประมาณกลางมา 7,000 ล้านบาท เพื่อจัดเก็บสายเก่าให้เรียบร้อยและจัดทำสายใหม่ขึ้นมา นโยบายนี้จะมีการนำไปทำทั่วทั้งประเทศต่อไป สำหรับการหารือในวันนี้กับผู้ว่าฯ เพื่อเป็นการคุยเรื่องการนำสายไฟลงใต้ดิน บางส่วนเป็นท่อที่มีอยู่แล้วบางส่วนจะต้องมีการทำใหม่ แต่ทั้งนี้พื้นที่ที่จะดำเนินการเป็นฟุตปาทของกทม. ต้องมีการตั้งคณะกรรมการกลางระหว่างกทม. กสทช. และกระทรวงฯทำงานร่วมกัน หากตกลงได้เร็วก็จะดำเนินการได้รวดเร็ว

ทั้งนี้การนำสายลงใต้ดิน จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า การจัดการสายแขวน 10 เท่า ดังนั้นจะนำสายทุกอย่างลงไปใต้ดินไม่ได้เพราะจะเป็นภาระต่อภาคเอกชน ซึ่งผู้บริโภคอาจจะต้องเสียค่าบริการมากขึ้น จึงไม่อยากให้ประชาชนต้องเดือดร้อนในเรื่องนี้

ส่วนตัวเลขงบประมาณการนำสายไฟลงดินที่ประเมินไว้ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ก่อนหน้านี้ที่กรุงเทพธนาคม (KT) ตั้งไว้ ต้องมาพิจารณาก่อนว่าหลังนำร่องไป 7 กิโลเมตรมีผู้มาเช่าหรือไม่ และราคาต้นทุนเท่าไร ซึ่งถ้าหากทำมาแล้วและไม่มีผู้มาเช่าก็จะไม่เดินหน้าต่อ เพราะไม่คุ้มค่า ซึ่งเรื่องนี้จะต้องกลับไปทบทวนและนำมาพูดคุยร่วมกันอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่มองว่าท่อร้อยสายของ NT ไม่มีประสิทธิภาพจากการตรวจสอบพบว่าบางส่วนยังคงใช้งานได้บางส่วนต้องปรับปรุงซ่อมแซม ซึ่งถ้าในด้านการลงทุนก็จะใช้งบประมาณน้อยกว่า ทั้งหมดนี้ก็จะต้องคุยกับภาคเอกชนว่ายินดีจะมาลงทุนหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลก็จะต้องมีการหารือและอาจจะต้องสนับสนุนบางส่วน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ได้พูดคุยเบื้องต้นกับทาง กสทช. เพื่อให้ช่วยดูแลงบประมาณการนำสายไฟลงดิน โดยชัชชาติแซวกลับว่าเมื่อครู่ท่านบอกว่าจะช่วยหลักหมื่นล้านบาท แต่ก็อาจจะกลายเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้นะ ก่อนที่นายชัยวุฒิจะตอบกลับว่า ดูแล้วหมื่นล้านก็พอไม่ต้องถึงสองหมื่นล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมนายชัชชาติยืนยันว่า ความเป็นระเบียบจะเห็นแน่นอนภายในปีนี้ จะเห็นทิศทางแน่นอนส่วนประเด็นการเปลี่ยนผู้บริหาร KT จะทำให้คุยกับ NT ง่ายขึ้นหรือไม่เรื่องนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยแต่ก็จะต้องดูตัวเลขเพราะเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่ใช้ความรู้สึก และต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง หลังจากนั้นนายชัชชาติขออนุญาตนายชัยวุฒิจับมือและชนหมัด

จากนั้นทั้งคู่ได้ลงพื้นที่ไปดูการทำงานของ NT ที่ดำเนินการเอาสายสื่อสารลงใต้ดินที่ถนนสุรศักดิ์มนตรี ซึ่งนายชัชชาติได้สอบถามและกำชับว่าจะต้องตรวจสอบและดูแลบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้ดี ส่วนสายสื่อสารที่ห้อยระโยงใต้หม้อแปลงไฟจะต้องรีบตัดสายตายทิ้งให้เร็วเพราะตัวอย่างก็มีให้เห็นที่เกิดไฟไหม้สำเพ็ง ไม่อยากให้เกิดเหตุแล้วมานั่งแก้ปัญหากันอีก