นายกฯ ติดตามโครงการเชื่อมสวนเบญจกิติ-สวนลุมพินี เผยคืบหน้าไปมาก ขอบคุณ “ชัชชาติ” เข้าร่วมเสนอแนวคิดทำงานร่วมกัน ไม่ตอบอยู่ถึงเป็นเจ้าภาพจัดเอเปกหรือไม่ บอก “ก็แล้วแต่ ใครจะทำก็ทำเถอะ”
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 4 ก.ค. 2565 ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะ “เบญจกิติ” กับ “สวนลุมพินี” ครั้งที่ 1/2565 โดยมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ร่วมประชุมด้วย โดยนายกฯ กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอบคุณทุกคนที่ผ่านมาที่ได้พยายามอย่างเต็มที่ เรามีพื้นที่ที่สวยงามเป็นพื้นที่ประชาชนนิยม ชอบมาออกกำลังกาย ท่องเที่ยวพักผ่อน เราคาดหวังจากเจตนารมณ์ครั้งแรก ต้องการให้เป็นสวนที่เป็นเทรนด์ของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ ในทุกกิจกรรมที่มีอยู่ จากที่ไปดูงานมาหลายประเทศ อะไรที่ทำได้ก็เสนอแนะในแนวทางปฏิบัติไป เพื่อพิจารณาได้ว่าทำอะไรได้บ้าง ซึ่งขณะนี้มีหลายอย่างที่มีความคืบหน้า คาดหวังว่าเราจะสามารถทำได้สำเร็จทัน วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งเป็นระยะ 2 และ 3
...
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ยินดีที่ นายชัชชาติ เข้าร่วมประชุมด้วย ซึ่งสวนดังกล่าวมีการส่งมอบไปแล้วส่วนหนึ่ง ระหว่างกรมธนารักษ์กับกรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้ดูแลรักษาและทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ หลายอย่างที่ทำมาแล้ว ก็ต้องถามประชาชนว่าต้องการอะไรเพิ่มเติม อะไรที่ทำได้ก็ทำไป จะเห็นได้ว่าวันนี้เรามีสวนขนาดใหญ่ เป็นที่น่าภาคภูมิใจ
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายกฯ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมติดตามความก้าวหน้าในการปรับปรุงแผนการดำเนินการในระยะ 2-3 ที่มีอีกหลายอย่างที่ยังต้องดำเนินการต่อบางส่วนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ให้ทันในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งการประชุมวันนี้ได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เช่น การเชื่อมต่อกับสวนลุมพินี การปรับปรุงเส้นทางเดิน เส้นทางรถยนต์ การจัดหาที่จอดรถในที่ต่างๆ ซึ่งพื้นที่ที่เสร็จแล้วได้ส่งมอบต่อให้กับกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ดำเนินการบริหารอยู่แล้วในขณะนี้ เช่นเดียวกันในบางส่วนที่ยังทำไม่เสร็จก็จะต้องร่วมมือทำให้เสร็จเสียก่อน และท้ายที่สุดจะอยู่ในความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์และกรุงเทพมหานคร
“วันนี้ท่านผู้ว่าฯ กทม. ให้ความร่วมมือมาประชุมด้วยตนเอง ผมก็ขอบคุณและชื่นชม ซึ่งท่านก็ได้เสนอแนวคิดต่างๆ หลายอย่างด้วยกันที่จะต้องร่วมมือกันปรับปรุงแผนงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และผมก็คาดว่าเมื่อสำเร็จเรียบร้อยแล้วก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนหลายๆ คน และในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เปิดเริ่มมีคนเข้ามา 6 แสนกว่าคน ที่ทำบันทึกไว้แล้ว เฉลี่ยวันละหลายพันคน ในวันธรรมดาประมาณ 3,000 กว่าคน วันเสาร์-อาทิตย์ ประมาณ 5,000-6,000 คน
ถือว่าเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกที่มีคนเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราจะมีการอำนวยความสะดวกให้มีการเชื่อมต่อกับสวนลุมพินีด้วย สามารถเดินทางได้ทั้งทางรถยนต์และรถไฟฟ้าในระยะต่อไป สวนดังกล่าวจะเป็นมุมมองใหม่ในการประชุมจากศูนย์การประชุมสิริกิติ์ จะมองภาพข้างหน้าผ่านกระจกมาจะเห็นสวนเบญฯ ทั้งสวน ถือเป็นการสร้างสีสันให้กับกรุงเทพมหานครของเราในการเป็นสถานที่จัดการประชุมใหญ่ๆ ต่อไปในอนาคต ซึ่งเรามองอนาคตไว้ตรงนั้นด้วย นอกจากทำตรงนี้ก็ต้องมีผลประโยชน์ทางอ้อมถือเป็นหลักคิดและนโยบายของรัฐบาล” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปกของไทย มีความเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการประชุมไปหลายส่วนแล้ว การจัดการประชุมก็มีการเดินกันเป็นขั้นๆ เริ่มจากคณะทำงาน การประชุมเจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส ระดับรัฐมนตรีมี 180 กว่าการประชุมกว่าจะถึงการประชุมใหญ่ วันนี้ก็มีการเดินหน้าในหลายกระทรวง โดยการนำร่องของกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะมาประชุม เรียกมาวันนี้พรุ่งนี้เสียเมื่อไหร่ มันไม่ใช่ จะต้องมีสารัตถะในการที่จะมาพูดกันในห้องประชุมเพื่อให้เกิดการลงนามและแถลงการณ์ร่วม การทำงานไม่ใช่สักแต่ว่าจะประชุมอย่างเดียว
เมื่อถามว่า จะอยู่จนถึงเป็นเจ้าภาพจัดเอเปกใช่หรือไม่ เพราะมีการมองว่าอาจจะมีประเด็นเรื่องการดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี จังหวะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินออกจากโพเดียมพร้อมกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ก็แล้วแต่ ใครจะทำก็ทำเถอะ”.