เกิดความสับสนอลหม่าน ในการดำเนินนโยบาย “กัญชาเสรี” ของภูมิใจไทย กลุ่มองค์กรภาคประชาชน 33 องค์กร โดยมีนางทิชา ณ นคร ผอ.ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน ได้ยื่นหนังสือถึงนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา ให้เร่งออกกฎหมาย
เนื่องจากขณะนี้ มีการตั้งโต๊ะขาย “พันลำ” กัญชามวนพร้อมสูบ ตามถนนข้าวสาร และขยายไปถึงถนนสีลม กลางกรุงเทพมหานคร ทั้งที่ยังไม่มีกฎหมายควบคุมโดยตรง ฝ่ายตำรวจอาจจับกุมผู้เสพกัญชา โดยใช้กฎหมายส่งเสริมและคุ้มครองการแพทย์แผนไทย และคำประกาศ ของกระทรวงสาธารณสุขที่ไม่ชัดเจน
แม้แต่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ก็ยังบอกว่าอย่าว่าแต่ตำรวจเลย แม้แต่นายวิษณุเองก็งง จึงตั้งคณะกรรมการระดับซุปเปอร์บอร์ดขึ้นมา มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีอำนาจตอบอะไรผิดอะไรถูก อะไรได้อะไรไม่ได้ ขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายควบคุมการเสพ การจำหน่าย
นางทิชาแถลงในนามองค์กรภาคประชาชน 33 กลุ่ม ว่าไม่ได้ต่อต้านการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ แต่ไม่เห็นด้วยกับการใช้กัญชาโดยทั่วไป “สุญญากาศของการบังคับใช้กฎหมายครั้งนี้ ถือเป็นความอัปยศของรัฐสภาไทย” สิ่งที่องค์กรต้องการคือกฎหมาย ห้ามขายกัญชาและให้เด็กและเยาวชน ห้ามขายในสถานการศึกษา
“สุญญากาศของการบังคับใช้กฎหมาย” หมายความว่าไม่มีกฎหมายควบคุมใช่หรือไม่ ไม่มีขื่อมีแปใช่หรือไม่ ทั้งที่ประกาศนโยบายกัญชาเสรี ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พรรคภูมิใจไทยได้จัดงานแถลงอย่างเอิกเกริก ที่บุรีรัมย์เป็นเวลาหลายวัน ทั้งๆที่ยังไม่มีความพร้อมแม้แต่กฎหมาย
...
ร่าง พ.ร.บ.กัญชาเสรี ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ หลังจากที่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร กมธ.อาจจะต้องใช้เวลา และจะต้องผ่านสภาผู้แทนราษฎรอีก ก่อนส่งให้วุฒิสภา ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด และจะเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์อุดช่องว่างทุกช่องหรือไม่
ไทยอาจเป็นประเทศแรกในเอเชีย ที่มีนโยบายกัญชาเสรี แต่แค่เริ่มต้นก็น่าเป็นห่วงเสียแล้ว เพราะแม้จะมีกฎหมาย แต่ไทยเป็นประเทศที่มีปัญหาการบังคับใช้กฎหมาย มีการทุจริตและเล่นพรรคเล่นพวก จึงได้แต่ภาวนาขออย่าให้ไทยกลายเป็นดินแดนกัญชาเสรี ใครใคร่ปลูก–ปลูก ใครใคร่ขาย–ขาย และสูบอย่างเสรี.