“นิโรธ” ซัดฝ่ายค้านได้คืบเอาศอก เสียงแข็ง ให้ซักฟอก 4 วันเหลือจะพอ เย้ยพ่นมากี่หนข้อมูลเดิมๆ ไม่มีอะไรใหม่ “สมคิด” ยันต้องขอถล่มยาว 5 วัน เรียงหน้าขย่ม 11 รมต.มากสุดเป็นประวัติการณ์ดักคอทีมองครักษ์อย่าตีรวนป่วนเสียบรรยากาศ “ธีรัจชัย” ไล่ส่ง “สุชาติ” หนีกระทู้ ไร้ปัญญาแก้ปัญหาจ้างเหมางาน กาหัวเสียงโหวตต่ำสุด หมดความชอบธรรมนั่ง รมต. “โหรวันชัย” ชี้ 7 ก.ค. ดาวมฤตยูย้าย สะเทือนทั้งแผ่นดิน ทำนายรัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอม มีไพร่พลบาดเจ็บล้มตายคาเขียงเชือด “สุทิน” ผวากฎหมายลูกพลิกใช้สูตรหาร 500 เฟ้นปาร์ตี้ลิสต์ “วัชระ” ประจานรัฐสภาหรูหมื่นล้านน้ำรั่วซ้ำซาก แฉงานผิดสเปกแต่ผู้รับเหมารีบส่งงาน เลี่ยงถูกปรับวันละ 12 ล้าน
วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านยังคงเล่นแง่ มีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องกรอบระยะเวลาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและ 10 รัฐมนตรี ต้องรอที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อหาข้อสรุปในวันที่ 6 ก.ค.
“นิโรธ” เสียงแข็งให้ซักฟอก 4 วัน
เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) กล่าวถึง กำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย ครม.มีความเห็นพร้อมตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.เป็นต้นไปแล้วอาจลงมติวันที่ 23 ก.ค.ขณะที่ฝ่ายค้านยืนกรานขอ 5 วันว่า ตรงนี้จะนำเข้าหารือในที่ประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 4 ก.ค. เพื่อเป็นมตินำเข้าที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย วิปรัฐบาล ตัวแทน ครม.คือ นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ปรึกษาวิปรัฐบาล และวิปฝ่ายค้านในวันที่ 6 ก.ค. วันนั้นจะได้ข้อสรุป
ซัดได้คืบเอาศอก ไม่มีอะไรใหม่
“ที่ฝ่ายค้านยืนกรานขอ 5 วัน ว่ากันไป ได้คืบเอาศอก จริงๆว่าตามที่ ครม.มีข้อสังเกตเรื่องวันมาน่าเหมาะสมสุดแล้ว เพราะเท่าที่ดูก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรจะอภิปราย หลายครั้งไม่มาร่วมประชุมอะไร คนอภิปรายรอคิวมาอภิปรายแล้วกลับก็แค่นั้น แล้วให้ฝ่ายรัฐบาลนั่งฟังกันทุกครั้งก็แบบนี้ ส่วนการเตรียมความพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ วิปรัฐบาลพร้อมหมดแล้ว รัฐบาลโดย ครม.พร้อมหมดแล้ว โดยจะตั้งวอร์รูมร่วมกัน มาดูว่ารัฐมนตรีแต่ละพรรคตอบตกค้างอะไร แล้วส่งคนเข้ามาให้รายละเอียดข้อมูล” นายนิโรธกล่าว
...
ฝ่ายค้านยันต้องขอถล่ม 5 วัน
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า หลังจากรัฐบาลระบุว่า พร้อมให้มีการอภิปรายตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.เป็นต้นไป วันที่ 6 ก.ค. นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯคนที่ 1 ได้นัดวิปสองฝ่ายหารือเกี่ยวกับวันและเวลาอภิปราย โดยวิปฝ่ายค้านยืนยันจะขอเวลาอภิปราย 5 วัน และลงมติในวันที่ 6 เนื่องจากจะอภิปราย รัฐมนตรีถึง 11 คน มากสุดตั้งแต่มีการอภิปรายมา มีรายละเอียดข้อมูลจำนวนมาก หากได้วันน้อยกว่านี้ คิดว่าคงไม่เพียงพอต่อการทำหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพร้อมจะอภิปราย ชี้ให้ประชาชนเห็นข้อบกพร่องการทำงานของรัฐบาล
ติงองครักษ์อย่าตีรวนผิดข้อบังคับ
พรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างจัดตัวผู้อภิปรายเบื้องต้นอยู่ที่ประมาณ 15 คน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค จะทำหน้าที่อ่านญัตติและอภิปรายเปิด ส่วนนายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้สรุปการอภิปราย รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้ประชาชนรอฟังจะได้เห็นข้อบกพร่องของรัฐบาลอย่างชัดเจนแน่นอน ขอให้รัฐบาลอย่าตีรวนและเตรียมคำตอบมาให้พร้อม ทีมองครักษ์ทั้งหลายของรัฐบาลอย่าประท้วงจนเสียบรรยากาศการอภิปราย ขอทำใจให้สงบ ฟังเหตุฟังผลของฝ่ายค้าน และรอให้ผู้ถูกอภิปรายชี้แจงจะดีที่สุด ไม่ใช่ตะบี้ตะบันประท้วงจนไม่สนใจข้อบังคับการประชุม
เชื่อกฎหมายลูกไม่บิดเบี้ยว
นายสมคิด ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการพิจารณากฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และพรรคการเมือง กล่าวอีกว่า ส่วนกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ รัฐสภาจะพิจารณาในวาระ 2 และ 3 วันที่ 5-6 ก.ค. คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเย็นวันที่ 6 ก.ค. คิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า บางฝ่ายอยากให้การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 ทั้งที่ กมธ.เสียงข้างมากมีมติให้หาร 100 นายสมคิดกล่าวว่า มติเสียงข้างมากเป็นไปตามหลักการของกฎหมายที่รัฐสภามอบให้กรรมาธิการไปพิจารณากฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับที่รัฐสภารับหลักการต่างคำนวณด้วยการหาร 100 กมธ.เสียงข้างมากจะเสนอตามแนวทางนี้ รัฐสภาจะเห็นอย่างไรอยู่ที่สมาชิก แต่ถ้าจะมาหารด้วย 500 มองว่าไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากขัดหลักการที่รัฐสภารับร่างไปพิจารณา ไม่เคยมีกฎหมายใดที่จะผ่านด้วยการขัดหลักการตอนที่ผ่านวาระ 1 จึงไม่น่าเป็นไปได้ สมาชิกรัฐสภาล้วนแต่เป็นผู้มีวุฒิภาวะ มีความรู้ด้านกฎหมายอยู่แล้ว คงไม่กล้าเอาชื่อเสียงตัวเองมาทำกฎหมายที่บิดเบี้ยวเหมือนที่หลายฝ่ายหวังไว้
“สุทิน” ผวาพลิกใช้สูตร 500 หาร
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 5-6 ก.ค. คงถกกันประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะใช้วิธีหารด้วย 100 หรือ 500 ที่จะใช้เวลานาน ขณะนี้ยังมีเสียงก้ำกึ่งอยู่ แต่ค่อนข้างเยอะเห็นควรหาร 100 เพราะอธิบายง่ายกว่า สอดคล้องรัฐธรรมนูญมากกว่า มีเหตุผลสนับสนุนได้มากกว่า ส่วนจะพลิกกลับไปใช้วิธีหารด้วย 500 ได้หรือไม่ เพราะบางพรรคกังวลการหารด้วย 100 จะเอื้อให้พรรคเพื่อไทยชนะแบบแลนด์สไลด์ หากเอาเหตุผลความได้เปรียบเสียเปรียบการเลือกตั้งมีสิทธิเป็นไปได้ แต่หากเอาเหตุผลหลักกฎหมาย มองระยะไกล มองระบบการเมืองคงพลิกยาก อยู่ที่การพิจารณาจะเอาเหตุผลใดเป็นฐานคิด ถ้าไปคิดแต่เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบอย่างเดียว จะไปอธิบายกับคนในสังคมอย่างไร ส่วนร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติที่ค้างอยู่ วันที่ 5 ก.ค. คงพิจารณาครึ่งวันให้จบก่อน แล้วค่อยพิจารณากฎหมายลูกต่อ กฎหมายลูก 2 ฉบับน่าจะเสร็จทันภายในวันที่ 6 ก.ค. หากร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติล่าช้าจริงๆ อย่างน้อยน่าจะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 6 ก.ค. อีกฉบับค่อยต่อสัปดาห์ต่อไป
“วันชัย” ทำนาย รบ.อยู่ไม่ครบเทอม
วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊ก “6 เดือนของรัฐบาลกับดาวมฤตยู” ระบุว่า นับแต่นี้ไปถึงสิ้นปีแค่ 6 เดือนเท่านั้นเร็วมาก เผลอแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ต่อแต่นี้เป็นเรื่องร้อนแรงทั้งในสภาและนอกสภา มีเวลาเหลืออยู่ไม่นาน จะรักหรือเกลียดรัฐบาลก็มีเวลาเหลืออยู่แค่นี้ ดูจากสถานการณ์การเมืองทั้งข้อจำกัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งทั้งมฤตยูย้ายวันที่ 7 ก.ค.นี้ รัฐบาลนี้อยู่ไม่ครบวาระแน่นอน การจะอยู่หรือไปเป็นเหตุผลการเมืองทั้งนั้น นักการเมืองไม่ว่าซีกรัฐบาลหรือฝ่ายค้านมองถึงการเลือกตั้งและอำนาจข้างหน้าทั้งนั้น เศษๆเลยๆของอำนาจที่เหลืออยู่ขณะนี้ก็แค่อึดใจเดียว
ซักฟอกมีไพร่พลบาดเจ็บล้มตาย
“ผู้มีอำนาจบางท่านบอกว่าหลังประชุม APEC 18-19 พ.ย. แล้วค่อยยุบสภาเป็นเวลาเหมาะที่สุด แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นอภิปรายไม่ไว้วางใจในปลายเดือนนี้ มีแนวโน้มจะมีไพร่พลบาดเจ็บล้มตายกันบ้าง ส่งผลให้เกิดแรงกระแทกกระทบถึงองคาพยพผู้มีอำนาจ 24 ส.ค.2565 นายกฯดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี มีประเด็นใหญ่ ไม่ควรมองข้าม ดวงชะตาฟ้ากำหนด คนบางคนไม่เคยคิดจะมาก็ต้องมา ไม่เคยคิดจะไปก็ต้องไป จากนั้น ก.ย.ถึง พ.ย.แค่พรรษาเดียว เวลาช่างสั้นจริงๆ อย่าคิดอะไรมาก 3 เดือนกับ 6 เดือน ไม่ต่างอะไรกันมาก มฤตยูย้ายวันที่ 7 ก.ค. สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งแผ่นดิน อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ อย่าประมาทก็แล้วกัน” นายวันชัยระบุ
กก.อัด รมว.แรงงานโดดร่มหนีกระทู้
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯตอบกระทู้แยกเฉพาะเรื่องความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการจ้างเหมางานภาครัฐ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. แต่อ้างว่าไม่สามารถมาตอบได้ เพราะติดภารกิจร่วมกับนายกฯว่า การกระทำของนายสุชาติสะท้อนเจตนาไม่มาตอบกระทู้ฯ การระบุว่าไปเปิดงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพค เมืองทองธานี สงสัยว่าไปร่วมงานทั้งวันจนไม่มีเวลามาตอบกระทู้เลยหรือ นี่ไม่ใช่หลักฐานว่ามีภารกิจจริง ไม่รู้ว่ามีงานดังกล่าวจัดขึ้นจริงหรือไม่ ปัญหาเรื่องลูกจ้างเหมางานของภาครัฐส่งผลกระทบต่อแรงงานกว่า 7 แสนคน จึงอยากให้นายกฯและนายสุชาติเร่งแก้ไขเพื่อยกระดับสวัสดิการ และคุณภาพชีวิตของแรงงานกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น หากนายสุชาติไม่มีความสามารถที่จะแก้ไข ลาออกไป อย่าอยู่เป็นรัฐมนตรีแรงงานอีกเลย
กาหัว “เฮ้ง” ได้คะเเนนที่โหล่ต่ำสุด
เมื่อถามว่าการทำงานของนายสุชาติจะมีผลต่อการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า คิดว่านายสุชาติอาจจะได้คะแนนโหวตต่ำที่สุด แต่ต่อให้คะแนนผ่านครึ่งจนรอดถูกคว่ำกลางสภาฯ ก็จะหมดความชอบธรรมการเป็นรัฐมนตรีลงไปเอง นอกจากนี้ นายสุชาติยังเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีที่น่าจะเป็นเป้าหมายที่สำคัญของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส.ด้านแรงงานถึง 4 คน กำลังเตรียมข้อมูลสำหรับการอภิปรายอยู่อย่างเข้มข้น
กมธ.กัดติดสแกนงบฯเรือดำน้ำ
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณางบกระทรวงกลาโหมว่า กมธ.คาดว่าจะนำงบฯกระทรวงกลาโหมเข้ามาพิจารณาวันที่ 18 ก.ค.ก่อนการเริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ยังไม่ได้สรุปที่ชัดเจน หรือหากล่าช้าคงหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เบื้องต้น เราจะดูกรอบการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เป็นหลักว่า จำเป็นต้องซื้อหรือไม่ ติดตามงบฯผูกพันเกี่ยวเนื่องกับการซื้อเรือดำน้ำ เช่น โรงเก็บเรือดำน้ำ ส่วนรายละเอียดงบอื่นๆ กมธ.ยังเห็นแค่ข้อมูลจากเอกสารขาวคาดแดง ทำให้ไม่ได้รายละเอียดเท่าใดนัก จึงต้องไปตรวจดูในชั้นอนุ กมธ. และหนังสือชี้แจงที่มีรายละเอียดมากกว่านี้ กระทรวงกลาโหมจะเขียนรายละเอียดงบฯ ที่อ่านดูไม่รู้ว่าคืออะไร หากเป็นกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่ามีงบสิ่งปลูกสร้าง เราจะรู้ว่านำไปสร้างโรงเรียน หรือบ้านพักครู แต่สิ่งปลูกสร้างของกระทรวงกลาโหมจะมีหลากหลายรูปแบบมาก เป็นไปได้ทั้งบ้านทหาร โรงเก็บเรือดำน้ำหรือโรงเก็บอาวุธ เป็นต้น เป็นการใช้คำที่เป็นมาตรฐาน แต่ความจริงไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไร จะไปเห็นอีกทีในชั้นอนุ กมธ.ถือเป็นอุปสรรคอย่างมาก และคำชี้แจงของกระทรวงกลาโหมเอง ไม่ค่อยทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมา
วัชระ” ซัดรัฐสภาหรูรั่วซ้ำซาก
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 1 ก.ค. ฝนตกหนัก ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯรวมทั้งอาคารรัฐสภาใหม่ แยกเกียกกาย ในส่วนองค์กรพอเพียงต้านทุจริต strong สผ. (สำนักงานเลขาธิการสภาฯ) ได้ส่งภาพและคลิปนิทรรศการ 90 ปีรัฐสภาที่จัดบริเวณพื้นไม้ชั้น 1 อาคารรัฐสภา ล้มระเกะระกะ น้ำฝนไหลเจิ่งนองทั่วพื้นอาคารรัฐสภามูลค่า 12,280 ล้านบาท สะท้อนถึงความบกพร่องของการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่หรือไม่ เมื่อฝนตกจะเกิดน้ำรั่วน้ำท่วมทุกครั้ง ทั่วอาคารรัฐสภาจะมีน้ำรั่ว น้ำหยด น้ำซึมหลายสิบจุด ทรัพย์สินราชการเสียหายหลายรายการ เป็นภาระแม่บ้านทำความสะอาดทั้งอาคารตึก ส.ว.และ ส.ส.ต้องมาทำความสะอาดทุกครั้ง พร้อมมีคำสั่งจากหัวหน้างานห้ามเปิดเผยเรื่องนี้ต่อบุคคลภายนอก
รีบส่งงานเลี่ยงค่าปรับวันละ 12 ล้าน
“พื้นไม้ที่น้ำฝนไหลท่วมสร้างผิดสเปก ไม่เป็นไปตามสัญญาต้องเป็นไม้ตะเคียนทอง แต่กรมป่าไม้ตรวจสอบแล้วว่าเป็นไม้พะยอม มีสภาพแบบนี้จำนวนมากทั่วอาคาร การก่อสร้าง 3,351 วันจากสัญญา 900 วันยังสร้างไม่เสร็จ เช่น ประตูห้อง กมธ.ไม่กันเสียง 65 ห้อง ผนังห้องประชุม กมธ.ไม่กันเสียง 148 ห้อง ต้นไม้ใหญ่ปลูกภายในและโดยรอบพื้นที่ยืนต้นตายมากกว่า 347 ต้น เป็นต้น แต่บริษัทผู้รับเหมาได้ทำหนังสือส่งงานเมื่อวันที่ 1 ก.ค.65 แจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาฯว่าสร้างแล้วเสร็จ 100% แล้วเพื่อหลบเลี่ยงค่าปรับกว่าวันละ 12 ล้านบาทเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง พระสยามเทวาธิราชจึงดล บันดาลให้พายุฝนสาดซัดน้ำไหลทะลักท่วมอาคารรัฐสภาบริเวณชั้น 1 พื้นไม้สร้างผิดสเปก แล้วจะส่งมอบงานว่าสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างไร” นายวัชระกล่าว
กลุ่มแคร์มอบรางวัล “คนเคลื่อนไทย”
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ มหานคร กลุ่มแคร์จัดงาน 2 ปี CARE คิดเคลื่อนไทย มอบรางวัล “คนเคลื่อนไทยเพื่อสังคมที่ทุกคนต้องการ” มีผู้ร่วมงาน อาทิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้ประสานงานกลุ่มแคร์ โดย นพ.สุรพงษ์กล่าวเปิดงานหัวข้อ “ความหวัง ความฝัน พลังแห่งการเปลี่ยนแปลง” มีเนื้อหาสรุปว่า 2 ปีที่ผ่านมา กลุ่มแคร์พยายามสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียขึ้นมา ทั้งเฟซบุ๊ก ยูทูบ พอดแคสต์ และคลับเฮาส์ เพื่อสร้างโอกาสและให้คนเห็นว่ากลุ่มแคร์กำลังทำอะไร การครบรอบปีที่ 2 ของเราจึงคิดว่าทำอย่างไรเพื่อให้คนมาร่วมขับเคลื่อนประเทศและรับรู้เป็นพลังซึ่งกันและกัน จึงเป็นที่มาของงานวันนี้ โดยมอบรางวัล “คนเคลื่อนไทย” 10 รางวัลให้กับบุคคลและองค์กร เช่น มูลนิธิและพนักงานบริการ (SWING) โครงการอินเตอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) มูลนิธิกระจกเงา ประชาไทย นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นักกิจกรรมนักศึกษา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
“เนติวิทย์” อุทิศแด่เพื่อนกับน้องๆ
นายเนติวิทย์กล่าวว่า รู้สึกตกใจที่ได้รับรางวัล เพราะไม่เคยได้รับรางวัลอะไรมาก่อน รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรที่เป็นรูปธรรมมาก ที่ตัดสินใจมารับรางวัล เพราะได้ต่อสู้ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบางเรื่องได้ ความจริงต้องได้รางวัลจากจุฬาฯ 1,000-2,000 บาท แต่ไม่ได้ แม้เป็นเงินเพียงน้อยนิด เป็นเพราะตั้งคำถามต่อมหาวิทยาลัยและการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างไรก็ตาม ขอบคุณหลายคนที่เป็นกำลังใจตลอดมา ขออุทิศรางวัลที่ได้ให้น้องๆ เพื่อนๆ และคนรุ่นต่อไปในอนาคตในการทำความฝันให้เป็นจริงต่อไป
“เต้น” ขอมอบให้นักสู้ผู้เสียชีวิต
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ได้อยู่ไกลตัว อยู่รอบตัวเรา การรับรางวัลนี้เป็นแรงปะทะภายในใจตน เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนกับพี่น้องผู้ร่วมอุดมการณ์เคยต่อสู้เพื่อการเลือกตั้งใกล้บริเวณนี้ เคยถูกไล่ฆ่าหนีตายมาในบริเวณนี้ รางวัลนี้ไม่ใช่ของตน แต่เป็นของประชาชนที่ออกมาต่อสู้และสูญเสีย เรียกร้องเสรีภาพความเท่าเทียม แต่ถูกกระทำอย่างโหดร้าย และตนขอมอบรางวัลนี้ให้กับผู้เสียชีวิตทุกคน
“อุ๊งอิ๊ง” ลั่น รบ.จาก ปชช.ได้ยินปัญหา
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นตัวแทนนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มอบรางวัล “Tony Woodsome” โดยกล่าวว่า คำถามแรกที่กลุ่มแคร์ตั้งขึ้นตอนก่อตั้งคือประเทศจะเดินไปอย่างไรต่อ “คิด เคลื่อน ไทย” คือคำตอบ ในการรวบรวมคนมีความสามารถด้านต่างๆ มาระดมสมองทำให้ประเทศเคลื่อนไปข้างหน้า เชื่อว่า ปัญหาของประเทศไม่ใช่ภาระของคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกฝ่ายต้องเข้ามาช่วยขับเคลื่อน ขอขอบคุณผู้ได้รับรางวัลทุกคนที่ทำให้รู้ว่ารางวัลนี้ได้มาอย่างสมเกียรติ เป็นแรงบันดาลใจให้ทุกคนขับเคลื่อนประเทศ และปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศคือรัฐบาล อำนาจของรัฐบาลจะทำให้ปัญหาที่มีอยู่ถูกยกขึ้นมาถกเถียงนำไปสู่การแก้ไข มันจะเกิดขึ้นได้แน่นอนถ้ารัฐบาลนั้นมาจากประชาชน มั่นใจว่ารัฐบาล ที่มาจากประชาชนจะได้ยินเสียงของประชาชนเสมอ
“หมอสงวน” ครอง “โทนี่ วู้ดซั่ม”
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การเป็นตัวแทนมอบรางวัล “Tony Woodsome” ที่นายทักษิณ รับรองว่าเหมาะสมเป็น เพราะบุคคลท่านนี้มีส่วนสำคัญในการให้ความหวังกับคนส่วนใหญ่ของประเทศ และให้คนไทยหลายคนมีโอกาสเท่าเทียมกับคนอื่น คนที่ได้รับอาจไม่ได้อยู่ตรงนี้ แต่ขอยกย่องว่าเป็นผู้เหมาะสมกับรางวัลนี้ และขอขอบพระคุณท่านคือ นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงษ์ อดีต ผอ.สำนักงานหลัก ประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) คนแรก ที่เป็นผู้คนขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขไทย โดยมีภรรยาของ นพ.สงวนเป็นผู้ขึ้นรับรางวัลแทน
“ทักษิณ” ปลุกใจผู้กล้าแสดงออก
จากนั้นได้มีการเปิดวีดิโอที่นายทักษิณกล่าวกับผู้ร่วมงาน โดยนายทักษิณกล่าวว่า มีส่วนร่วมกับกลุ่มแคร์มาเกือบ 2 ปีแล้ว วันนี้ประเทศไทยต้องการคนมีความรู้ ประสบการณ์ และห่วงใยบ้านเมืองมาช่วยกันคิดช่วยกันแสดงออก ผู้ที่มีหน้าที่โดยตรงควรเปิดใจกว้างรับไปปฏิบัติในสิ่งที่คิดว่ามันใช้การคิดเคลื่อนไทย วันนี้กลุ่มแคร์ชวนตนว่าเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่มาคิดเคลื่อนไทย ด้วยการมอบรางวัล “Tony Woodsome” ให้คนที่มาคิดเคลื่อนไทยในด้านต่างๆ เพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ที่กล้ามาแสดงออกเพื่อประเทศ ตนเป็นอดีตนายกฯ และมาอยู่ต่างประเทศ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของโลก เป็นช่วงที่ช่องว่างระหว่างวัยแคบลง ความเข้าใจระหว่างวัย ความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างคนที่มีพื้นฐานเศรษฐกิจ การศึกษาต่างกัน เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักและนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. ตนได้รับรางวัลจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียลของประเทศอังกฤษ เรื่องวิศวกรรมด้านสุขภาพ โดยมีระบบเอไอเข้ามาร่วม หมายถึงความพยายามในการเคลื่อนโลกหรือประเทศให้สังคมตัวเองได้เคลื่อนไหวด้วยความรู้ ความสามารถและด้วยความพยายามที่ไม่ยอมหยุดยั้ง
จวก “30 บาท” เพี้ยนไปเยอะต้องปรับ
นายทักษิณกล่าวอีกว่า เพราะฉะนั้นกลุ่มแคร์จึงเป็นกลุ่มที่รวมคนมาคิดเพื่อไทย และในวันนี้ได้ตัดสินใจว่าจะมอบรางวัลให้กับคนต่างๆที่กล้าคิดเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย สำหรับรางวัลที่มอบให้กับ นพ.สงวน คนทำโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นนโยบายที่สำคัญของพรรคไทยรักไทยในวันนั้น และจนวันนี้คนไทยได้เข้าถึงหลักสุขภาพถ้วนหน้า เราต้องขอขอบคุณ นพ.สงวนจริงๆ อย่างไรก็ตาม โครงการ 30 บาทฯผิดเพี้ยนไปเยอะ ไม่เหมือนในอดีต คงต้องมีการปรับปรุงให้ไม่ผิดเพี้ยน และขอให้พวกเรากล้าคิดทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากๆ เพราะเราต้องการสมองและความกล้าของคนไทยทุกคน