รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ได้ทีขี่แพะไล่ ออกมาโหมโรงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชนิดถึงฎีกา ส่อทุจริต บริหารล้มเหลว คุยว่ามีหลักฐานพร้อม ซึ่งไม่รวมฝ่ายค้านคนอื่นๆที่ออกมาฟันธงว่า งานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่รอดสันดอนแน่นอน ถึงคะแนนไว้วางใจจะผ่านการยกมือในสภา แต่จะไปถูกประหารชีวิต วันที่มีการกาบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง หรือที่ฝ่ายค้านขู่เอาไว้ว่า ตายคาหีบ ฟังดูแล้วหวาดเสียวไปกับฝ่ายค้านด้วย
คงไม่ต้องลงรายละเอียดสารพัดประเด็นที่ฝ่ายค้านฉายเป็นหนังตัวอย่าง แต่วิกฤติที่อยู่รอบตัวนายกฯและคณะหนักหนาสาหัสจริงๆ ที่หนักที่สุดคือ ความน่าเชื่อถือ ถ้ารัฐบาลหรือผู้นำขาดความน่าเชื่อถือ การบริหารประเทศจะเป็นสุญญากาศทันที
น้ำมันแพง สินค้าแพงทั้งแผ่นดิน แพงแม้กระทั่งโลงศพ เอาแค่เรื่องเดียวถ้าแก้ไม่ได้ก็ถึงจุดจบ นโยบายต่างๆที่รัฐบาลเข็นออกมาเป็นผลงานชิ้นโบแดงก็กำลังเป็นดาบกลับมาเชือดคอตัวเอง แม้แต่นโยบายกัญชาเสรี ปลดกัญชง กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ทัวร์ลงทั้งคณะ
อย่างความเห็นของ ผศ.ดร.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอุงศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา จุฬาฯได้ทำการศึกษาร่วมกับ สสส. เพื่อสร้างกลไกในการเฝ้าระวังระบบยาและความรู้ระบบยาเพื่อการเฝ้าระวังเตือนภัยสังคม ระบุว่ากัญชาถือเป็นสมุนไพรมีประโยชน์ทางการแพทย์ก็จริง แต่หากใช้ไม่ถูกต้อง เกินความจำเป็น อาจเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ และเป็นอันตรายกับสุขภาพ มีความจำเป็นจะต้องเร่งให้ข้อมูลความรู้เรื่องกัญชากับประชาชน และทดลองกลไกเฝ้าระวังในเชิงรุกมากขึ้น สรุปแล้วกัญชาเหมาะที่จะนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์จะดีที่สุด ปัญหาที่จะตามมา คือผลกระทบทางสังคมสะท้อนกลับไปถึงผลทางเศรษฐกิจโดยตรงด้วย
...
สำนักโพล ไปถามชาวบ้านเห็นด้วยกับการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดหรือไม่ ปรากฏว่า ค่อนข้างจะวิตกกังวล ที่ร้อยละ 37.78 วิตกกังวลมาก ร้อยละ 32.85 รวมกันแล้ว เกินครึ่งชาวบ้านไม่เห็นด้วย
ประเทศไทยกำลังบริหารงานอยู่บนความเสี่ยงใหญ่ๆ หนักๆทั้งนั้น การรับมือกับโรคระบาดฟัง นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์คณะแพทย์ จุฬาฯ ฉายให้เห็นถึงการแพร่ระบาดของโควิดในบ้านเราตอนนี้น่ากลัว จำนวนผู้ติดเชื้ออย่างไม่เป็นทางการมากกว่าที่มีตัวเลขเป็นทางการกว่า 10 เท่า กินยาตามอาการบ้าง หายเองบ้าง ไม่มีการตรวจเอทีเคบ้าง ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมมีจำนวนมากและมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อหรือเชื้อกลายพันธุ์ไปได้อีก สรุปแล้วในเดือน ก.ค.-ก.ย. จะเห็นตัวเลขการติดเชื้อมากขึ้น
ตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ชัชชาติฟีเวอร์ ชาวบ้านก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับ พล.อ.ประยุทธ์ตัวเป็นๆมากขึ้น เดือนที่ผ่านมาลงพื้นที่พบปะชาวบ้านแล้ว 3 รอบ ล่าสุดไปหยั่งกระแสที่เชียงใหม่ เมืองหลวงของเพื่อไทย
จะใกล้เลือกตั้งหรือขาลอย เป็นอีกเรื่อง.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th