อย่าดูแคลนกฎหมาย! “ศุภชัย” แจงยิบ ประกาศ สธ. เรื่องกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม มีผลตามกฎหมายแล้ว ห้ามเด็กใช้ ห้ามสูบในที่สาธารณะ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ขอบคุณตำรวจช่วยชี้แจง

วันที่ 18 มิ.ย. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีหลายภาคส่วนออกมาตั้งคำถามว่า ประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การควบคุมการใช้กัญชานั้นไม่มีบทลงโทษ จึงไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ล่าสุด 18 มิถุนายน 2565 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (Suphachai Jaismut) ระบุว่า

ผมเคยเล่าเหตุผลของการมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้มาเมื่อสองวันก่อนว่า เนื่องจากต้องการให้กัญชาสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เกิดการใช้ได้อย่างเข้าใจ ไม่ถูกใช้ในทางที่จะเกิดผลเสียต่อเด็กและเยาวชน หญิงมีครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ตามที่มีการเรียกร้องจากสังคม ทำให้ประชาชนทั้งประเทศที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปทุกคน สามารถได้รับอนุญาตให้ครอบครอง ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย ใช้ประโยชน์ และจำหน่ายได้ และไม่กระทบกับผู้ป่วยที่เป็นเด็กหรือสตรีมีครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร ที่มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษาจากกัญชาทางการแพทย์ โดยแพทย์ แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ แพทย์แผนจีน หรือหมอพื้นบ้าน และเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับกัญชาของประเทศไทย ถือเป็นสมุนไพรควบคุมที่ต้องได้รับการคุ้มครองให้มีคุณค่า ไม่ให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกัญชา ที่เคยถูกปกปิดไว้ในอดีต โดยการไม่อนุญาตให้ประชาชนสูบกัญชาในที่สาธารณะ ไม่อนุญาตให้จำหน่ายแก่เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร ประกาศนี้ไม่กระทบต่อสิทธิของประชาชนส่วนใหญ่ และสามารถมีผลบังคับใช้ทางอาญา หากกระทำผิดตามประกาศฉบับนี้ต้องรับโทษตามกฎหมาย

แต่ดูเหมือนว่าหลังจากออกประกาศออกมายังมีคนทำตัวขวางความพยายามของกระทรวงสาธารณสุขในการที่จะออกมาปกป้องสังคมให้ปลอดภัย มีการออกมาแสดงความเห็นว่าประกาศดังกล่าวนี้ไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย ท่วงทำนองเย้ยหยัน

ในฐานะนักกฎหมายที่ศึกษาเรื่องนี้มาผมขอยืนยันว่าประกาศนี้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว กล่าวคือ

...

1.รัฐมนตรี อาศัยอำนาจในการออกประกาศตามมาตรา 4

2.รัฐมนตรี ยังอาศัยอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ มาตรา 45(3) โดยใช้เงื่อนไขในการอนุญาตให้ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป สามารถครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา หรือขนย้ายสมุนไพรควบคุม ยกเว้นการใช้ประโยชน์ในที่สาธารณะโดยการสูบ การใช้ประโยชน์ในผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ สตรีมีครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร

3.รัฐมนตรี ยังอาศัยอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยคำแนะนำของคณะกรรมการ ตามมาตรา 45(5) กำหนดเงื่อนไข โดยการอนุญาตให้ผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปสามารถจำหน่ายได้ ยกเว้นการจำหน่ายให้แก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี หญิงตั้งครรภ์หรือหญิงให้นมบุตร

4.ตามเงื่อนไขข้างต้นที่ถูกประกาศไว้แล้ว ไม่ต้องมายื่นขออนุญาต

5.ยกเว้น ไม่ได้อยู่ในเงื่อนไข หากมีความประสงค์จะจำหน่ายต้องมายื่นขออนุญาตกับอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก สามารถขออนุญาตได้ตามกฎกระทรวง โดยยื่นขอได้กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำหรับกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัด คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

6.เนื่องจากเหตุผลทางวิชาการที่มีหลักฐานว่า ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีลงมา หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร อาจจะมีผลลบต่อสุขภาพให้ใช้ประโยชน์โดยไม่ใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ถือเป็นการใช้อย่างไม่ถูกต้องเหมาะสม จะทำให้สมุนไพรควบคุมที่มีคุญค่าเกิดความเสียหาย จึงยังไม่มีนโยบายที่จะอนุญาตให้ใช้

7.สำหรับกฎกระทรวง การอนุญาตให้ศึกษาวิจัยหรือส่งออกสมุนไพรควบคุม หรือจำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม เพื่อการค้า พ.ศ.2559 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2559

8.สำหรับบทบังคับใช้นั้นเกิดจากการประกาศกำหนดเงื่อนไข การอนุญาตไว้แล้ว ตามมาตรา 45 (3) และ 45 (5) หากใครดำเนินการนอกเหนือจากการอนุญาตที่ประกาศไว้แล้ว จะส่งผลให้ขัดต่อมาตรา 46 ทันที

โดยเฉพาะการจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีลงมา สตรีมีครรภ์ หรือให้นมบุตร ซึ่งไม่จำเป็นต้องระบุในประกาศ และจะส่งผลให้เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 46 ไปด้วย เลยต้องรับโทษตามมาตรา 78 ที่ต้องถูกจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

ซึ่งต้องขอขอบคุณผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ออกมายอมรับความชอบของประกาศฉบับนี้

โดยท่านระบุว่า

“หากผู้ใดละเมิดประกาศนี้ มีโทษปรับ จำคุก หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542”

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือการออกกฎหมาย ออกประกาศใดมาบังคับใช้กับประชาชนให้ดูที่เจตนารมณ์ของกฎหมาย หรือประกาศนั้นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้เกิดประโยชน์ต่อประโยชน์สาธารณะ สังคมส่วนรวม

เรื่องกัญชา เป็นเรื่องที่ต้องส่งเสริมเรียนรู้ สนับสนุนให้ใช้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่การลงโทษ ไล่จับ จนผู้ใช้ในทางที่ถูก ต้องหนีลงใต้ดิน ไม่ใช่ทำลายภูมิปัญญา ทำลายกระบวนการวิจัย พัฒนา ทำลายโอกาสเข้าถึงยา ทำลายโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ แล้วต้องพึ่งพาต่างชาติตลอดไป หลักการสำคัญ คือ การเรียนรู้ และควบคุมการใช้ในทางที่ผิด นี่คือหลักการและเจตนารมณ์ของประกาศนี้.