"สมศักดิ์" รมว.ยุติธรรม ควง 2 ส.ส.ราชบุรี เปิดงานส่งเสริมอาชีพ หนุนเลี้ยงไก่ชน-วัวลาน สร้างรายได้เกษตรกร แนะ รัฐทำวันสต็อปเซอร์วิส ลดขั้นตอนยุ่งยาก หากทำได้เศรษฐกิจแล่นฉิว

วันที่ 18 มิ.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมอาชีพกิจกรรมที่ 1 การส่งเสริมอาชีพประชาชนในยุคโลกาภิวัตน์ โดยมีนายอุดม เพชรคุต รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา นายก อบจ.ราชบุรี นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา น.ส.กุลวลี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม น.ส.ณัฐฐ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นางทัศนีย์ เปาอินทร์ อธิบดีกรมบังคับคดี นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และประชาชนร่วมงานจำนวนมากจนแน่นงาน โดยก่อนเข้างานมีการคัดกรองโควิด-19 อย่างเข้มงวด

โดยก่อนเข้างานมีกลุ่มเกษตรกร ผู้เลี้ยง ไก่ชนและวัวลาน ใน จ.ราชบุรี มายื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ อยากให้มีการเปิดสนามซ้อมไก่ชนและสนามวัวลาน โดยนายสมศักดิ์ ระบุว่า เรื่องนี้ตนจะส่งเรื่องให้ท่านรองผู้ว่าไปพิจารณาและดำเนินการ ซึ่งหากพี่น้องเกษตรกรต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ ก็รวมกลุ่มยื่นหนังสือมาได้ โดยการเปิดสนามซ้อมนั้นอยู่ที่การพิจารณาของ ศบค.และ สาธารณสุขจังหวัด ซึ่งสนามจะต้องมีมาตรการป้องกันโควิดอย่างเข้มงวด เช่น การแข่งวัวชน โดยตนคิดว่า ตอนนี้น่าจะเปิดได้ เพราะมีการผ่อนปรนเรื่องต่างๆ เยอะแล้ว หากเปิดได้ก็จะดี เพราะจะมีเงินหมุนเวียนในระบบ และสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้อย่างมาก เพราะจะมีเงินหมุนเวียน ทั้งการขายอาหารสัตว์ อุปกรณ์ต่างๆ และพันธุ์ไก่ เป็นการช่วยเกษตรกรอีกทางหนึ่ง

...

จากนั้น นายวิวัฒน์ กล่าวรายงานว่า จ.ราชบุรี มีประชากรประมาณ 852,939 คน ประชาชนส่วนใหญ่ มีอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม ค้าขาย การบริการ รับจ้าง ตามลำดับ จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ทำให้เศรษฐกิจทุกๆ ด้านต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน ทำให้สูญเสียรายได้ อบจ.ราชบุรี ได้ตระหนักถึง ปัญหาการประกอบอาชีพของพี่น้องประชาชน จึงได้ตั้งข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เพื่อจัดทำโครงการส่งเสริมอาชีพ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ให้มีความมั่นคงยั่งยืน สนับสนุนทุกอาชีพในการเป็นผู้ผลิตสู่การเป็นผู้ค้าให้ก้าวสู่ความเป็นสากล และเสริมสร้างในการต่อยอดอาชีพให้กับประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น มั่นใจ ในการเป็นผู้ผลิตและเป็นผู้ค้า ให้ประชาชนทุกอาชีพสามารถมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลายเดือนที่ผ่านมา ตนมีโอกาสได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทั่วทุกภาค พบเจอปัญหาหลายอย่างโดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นอาชีพหลักของประเทศไทย ขาดโอกาสการพัฒนาพืชเกษตรให้มีคุณภาพสูง เรายังใช้มหาวิทยาลัยน้อยมากในการวิจัยนวัตกรรมต่างๆ คงต้องใช้มหาวิทยาลัย และกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมให้มากขึ้น เพราะโอกาสของไทยยังก้าวไปได้อีกเยอะ อย่างเช่น พืชกระท่อม หากเราวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้มากขึ้น ผมเชื่อว่าเกษตรกรของไทยจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่านี้อีกมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เราควรทำอาชีพที่คล่องตัว รัฐบาลสมัยใหม่ก็ต้องทำอะไรให้ง่ายขึ้น อะไรที่ทำยุ่งยากซับซ้อนต้องเลิก ทำให้เป็นวันสต็อปเซอร์วิส มาจุดเดียวจบ ระบบของประเทศต้องเปลี่ยนไปให้คล่องตัว เชิญชวนให้คนมาลงทุนได้ง่าย ราชการต้องคล่องตัวเข้าใจประชาชน ประชาชนเองก็ต้องเข้าใจว่าอยากทำอะไร และสุดท้ายในส่วนการเมืองต้องเป็นผู้ช่วยประสาน ไม่ว่าจะท้องถิ่นหรือระดับประเทศก็ตาม หาก 3 ส่วนบูรณาการร่วมกันอย่างดีที่สุดเศรษฐกิจจะแล่นฉิว การทำอาชีพอย่างเช่น ไก่ชน ต้องทำให้มูลค่าเพิ่ม ตนจึงนโยบายสนับสนุนให้คนเลี้ยงไก่ นอกจากนี้ตนได้ประสานกับ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกองทุนหมู่บ้าน จัดโครงการให้ชาวบ้านยืมวัวไปเลี้ยง นำร่องแล้วที่ จ.สุโขทัย และตนก็ได้คุยกับ นายก อบจ.ราชบุรีแล้ว ท่านก็เห็นด้วย นอกจากนี้เราต้องใช้ศาสตร์พระราชา คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ด้วย

"สิ่งสำคัญที่ผมทำไปแล้ววันนี้คือ การปลดล็อกพืชกระท่อม ผ่านมา 9 เดือนแล้วราคายังอยู่ที่กิโลกรัมละ 500 บาท ราคาไม่ตกลงเลย จึงอยากเชิญชวนชาวราชบุรีมาปลูก ซึ่งวันนี้เรามีมาแจกด้วย ผมอยากทำส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งหากนำมาป่นเป็นผงจะราคากิโลกรัมละ 2,000-3,000 บาท แต่ราคาในประเทศเราต้นทุนยังสูงทำให้ยังส่งออกไม่ได้ แต่หากเราทำได้จะมีรายได้เข้าประเทศอย่างมากมาย" นายสมศักดิ์ กล่าว

จากนั้นนายสมศักดิ์ ได้มอบต้นกระท่อมให้กับชาวจังหวัดราชบุรี 700 ต้น และเยี่ยมชมบูธกิจกรรมการเลี้ยงวัวแบรงกัส การเลี้ยงไก่ชน และการปลูกพืชกระท่อม รวมถึงสินค้าเกษตรของจังหวัดราชบุรี