ผอ.สำนักการแพทย์ กทม. เผย ชาย 51 ปี เสียชีวิต ไม่ยืนยันว่า เสพเกินขนาดหรือไม่ ส่วนอีกรายอาการโคม่า อยู่ไอซียู เนื่องจากเสพกัญชาร่วมกับสารเสพติดอื่น เตือน เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ห้ามเสพหรือสูบกัญชา
นายแพทย์สุขสันต์ กิตติศุภกร ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร ให้ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ กรณีพบผู้ป่วยจากการเสพกัญชาและเสียชีวิต 1 ราย ว่า ตามข้อมูลที่สื่อได้รับไปก่อนหน้ามีผู้ป่วย ถูกส่งมารักษาตัวรายแรก ที่โรงพยาบาลตากสิน 2 คน ในวันที่ 12 และ 13 มิถุนายน ที่ผ่านเป็นชาย 17 และ 25 ปี ญาติ ให้ข้อมูลว่าเสพกัญชา หลังจากนั้นมีอาการใจสั่น เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้รักษาตามอาการ เมื่ออาการดีขึ้นก็ให้กลับบ้าน
ส่วนอีกรายอายุ 16 ปี มารักษาตัวที่โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโรอุทิศ ญาติให้ข้อมูลว่า ไปพบตอนเช้า ว่าเสพกัญชาร่วมกับยาเสพติดชนิดอื่น มีอาการหายใจอ่อนแรง แพทย์จึงใช้เครื่องช่วยหายใจในการรักษา อาการยังโคม่า อยู่ในห้องไอซียู ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน
รายสุดท้าย ที่เสียชีวิต เป็นชาย อายุ 51 ปี มาด้วยอาการแน่นหน้าอก ญาติส่งตัวมาที่ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ เวลา 22 นาฬิกา ของวันที่ 12 มิถุนายน แพทย์ได้ตรวจและส่งรักษา ด้วยอาการแน่นหน้าอก และหัวใจล้มเหลว ก่อนเสียชีวิตในคืนต่อมา (13 มิถุนายน) ญาติให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เสพกัญชา เวลา 20 นาฬิกา ก่อนญาติไปพบและส่งตัวมารักษา เวลา 22 นาฬิกาจากนั้นได้แจ้งญาติให้รับทราบ ซึ่งญาติเองก็ไม่ติดใจสงสัยสาเหตุ ในการเสียชีวิต แพทย์ไม่ได้ส่งศพชายคนดังกล่าวไปผ่าชันสูตร และนำไปประกอบพิธีทางศาสนาเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ไม่สามารถบอกได้ว่า ทั้ง 4 คน เสพกัญชาเกินขนาดหรือไม่ เพราะมีข้อมูลแค่เสพมาเท่านั้น ไม่รู้ว่าเสพไปปริมาณมากน้อยขนาดไหน ญาติก็ไม่สามารถบอกได้
...
พร้อมให้ข้อแนะนำกับประชาชน ว่า อย่าชะล่าใจ แม้ปลดล็อกให้ใช้กัญชาได้อย่างเสรี แต่เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น ประชาชนต้องรู้ว่า ไม่ควรใช้กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์ และคนที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะ โรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง กัญชาควรใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ ดีที่สุด จะไปใช้เพื่อสันทนาการ หรือผสมอาหาร ต้องระมัดระวัง ปริมาณจะอยู่ในเกณฑ์ควบคุมของกระทรวงสาธารณสุข และหากมีอาการหลังจากการใช้ ให้รีบมาโรงพยาบาลทันที
ทางสำนักการแพทย์ ได้กำชับ โรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพฯ ทั้ง 11 แห่งให้เฝ้าระวังติดตามอาการของคนที่เสพหรือแพ้กัญชาเป็นพิเศษและขอความร่วมมือผู้ป่วยหรือญาติหากใช้หรือเสพกัญชามาจะต้องให้ข้อมูลแพทย์ เพราะเป็นประโยนช์ต่อการใช้ยารักษาในโรคอื่นเพราะบางรายอาจมีผลข้างเคียงแพ้ยาหรือดื้อยา.