เลขาธิการ ป.ป.ช.ชี้ก่อนเส้นตาย 13 มิ.ย. ไม่ได้ตัว “สุนทร วิลาวัลย์” ส่งฟ้องถือว่าสิ้นสุดพ้นผิดรุกป่าเขาใหญ่เผยทำผิดปี 2545 แต่เพิ่งได้รับสำนวนคดีจากตำรวจปี 2563 เร่งสปีดจนชี้มูลความผิด ลั่นรอดขาดอายุความ ลับดาบสองสอยพ้นตำแหน่งนายก อบจ. หน.ชุดจับกุม เห็นต่างยันแจ้งความดำเนินคดีแล้ว เอาผิดได้ไม่มีปัญหา ฝ่ายค้าน-รัฐบาลสาดน้ำลายก่อนศึกซักฟอก “ไพบูลย์” ปรามาสมีแต่ราคาคุยกับโวหาร ไร้หมัดเด็ด “ประเสริฐ” ฟุ้งเตรียมยื่น ป.ป.ช.-ศาลรัฐธรรมนูญฟัน รมต. “สมคิด” ทำใจ ศท.ไม่กล้าแตกแถว “ธีรัจชัย” หวังก๊วนตัวแปรโหวตเสียงตรงไปตรงมา ขู่มี รมต. สาหัสถึงขั้นหลุดเก้าอี้ ม็อบเสื้อแดงอุ่นเครื่องเดินขบวนไล่ “บิ๊กตู่”นัด 17 มิ.ย. ปิดห้าแยกลาดพร้าว ทวงคำตอบ แก้ราคาน้ำมัน โจ๋ทะลุแก๊สโผล่แยกดินแดงปะทะ คฝ.ปาประทัด เผาวอดรถกระบะตำรวจ
...
จากกรณีคดีนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การ บริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี บิดา พร้อมเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ถูกกล่าวหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐออกโฉนดที่ดินบุกรุกป่าเขตอุทยานแห่งชาติ
เขาใหญ่พื้นที่ จ.ปราจีนบุรี โดยคดีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบจะหมดอายุในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.นี้
13 มิ.ย. ไม่ได้ตัว “สุนทร” พ้นผิด
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้า การดำเนินคดีเอาผิดนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช. ศึกษาธิการ และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี กรณีการบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ช่วงปี 2545 ที่คดีจะหมดอายุความวันที่ 13 มิ.ย. ว่า ในส่วนคดี นางกนกวรรณจะหมดอายุความเดือน ก.ค.นี้ ถือว่าไม่มีปัญหา เพราะสามารถนำตัวส่งอัยการฟ้องดำเนิน คดีต่อศาลได้แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องอายุความ แต่กรณี นายสุนทร คดีจะหมดอายุความวันที่ 13 มิ.ย.65 หากยังไม่ได้ตัวส่งให้อัยการดำเนินคดีก่อนที่คดีหมดอายุความ ถือว่าคดีสิ้นสุด ทำอะไรต่อไปไม่ได้
ป.ป.ช.รอถอดถอนพ้นนายกอบจ.
“คดีนี้มีอายุความ 20 ปี นับจากวันที่กระทำผิด ในปี 2545 แต่ ป.ป.ช.เพิ่งได้รับสำนวนคดีจากตำรวจ มาปี 2563 ก็เร่งพิจารณามาโดยตลอด จนสรุปสำนวน ชี้มูลความผิดได้ ขณะนี้พยายามประสานกับทางตำรวจเต็มที่เพื่อหาทางนำตัวนายสุนทรมารายงานตัว ต่ออัยการให้ทันวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ก่อนคดีหมดอายุความ หากกรณีนายสุนทรหมดอายุความไปจริง ป.ป.ช.จะไป พิจารณาดำเนินการถอดถอนนายสุนทรออกจากตำแหน่ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ต่อไป” เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าว
ชุดจับกุมแฉออกโฉนดตั้งแต่ปี 2545
ด้าน พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุด ปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ (ศปป.) ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในฐานะชุดจับกุมดำเนินคดีนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ และแกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพวกบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องเข้าใจว่าคดีแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ บริเวณด่านเนินหอม และเรื่องของการออก เอกสารสิทธิโดยมิชอบ มีการตรวจสอบเจอว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวนั้น ออกเป็นโฉนดเมื่อปี 2545 โดยเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดพบว่า การออกโฉนดดังกล่าวเป็นที่ดินมือแรก มีนายสุนทรและนางกนกวรรณ เป็นผู้เดินนำชี้พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดินด้วย คดีการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบนั้นเป็นคดีอาญา
แจ้งความไปแล้วเอาผิดได้ไร้ปัญหา
พ.อ.พงษ์เพชรกล่าวว่า สำหรับประเทศไทยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 เป็นบทกำหนด อายุความของความผิดอาญาทุกฐาน โดยกำหนดให้ เริ่มนับอายุความในคดีอาญานับแต่วันที่กระทำความผิด และกำหนดอายุความสูงสุด 20 ปี เมื่อไปดูรายละเอียดอีกพบว่า การออกโฉนดดังกล่าวทำเมื่อปี 2545 ถึงเวลานี้ปี พ.ศ.2565 ครบ 20 ปีแล้วพอดี แต่อย่างไร ก็ตาม ถึงแม้คดีจะหมดอายุความในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการเอาผิด เพราะขณะนี้ได้มีการ แจ้งความดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากเจ้าของที่แล้ว ผู้นำชี้การรังวัดที่ดิน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ ที่ดินก็ต้องมีความผิดด้วย
พท.จ่อยื่น ป.ป.ช.–ศาล รธน.ฟัน รมต.
อีกเรื่องนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในส่วนของพรรคเพื่อไทยว่า ตอนนี้ข้อมูลของพรรคเพื่อไทยมีความพร้อม วางตัวผู้อภิปรายไว้หมดแล้ว เหลือเพียงซักซ้อมให้การอภิปรายพุ่งเป้าตรงประเด็นกับข้อกล่าวหา ที่จะนำไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลรัฐธรรมนูญ หลังอภิปรายเสร็จสิ้น เพราะเนื้อหาที่จะอภิปรายครั้งนี้จะชี้ชัดว่าผู้ถูกอภิปรายกระทำผิดกฎหมายที่ต้องให้ 2 หน่วยงานนี้ดำเนินการ เช่น การทุจริตโครงการต่างๆในหลายกระทรวง การปล่อยปละละเลยให้การบริหารราชการเกิดความเสียหายต่อประชาชน เมื่อถามถึงจำนวนรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายจะมีมากกว่า 10 คนตามที่ได้แถลงไปหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ขณะนี้ยืนยันว่าจะอภิปรายนายกฯและรัฐมนตรีรวม 10 คนตามที่ได้แถลงข่าวไป และอยู่ระหว่างการสรุปญัตติเพื่อยื่นต่อประธานสภาฯวันที่ 15 มิ.ย.
ผลประโยชน์ลงตัว 3ป.ก็จับมือกัน
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 3 ป. ออกงานร่วมกันอย่างชื่นมื่นหลังมีข่าวระหองระแหงก่อนหน้านี้ว่าไม่แปลกใจ พอตกลงกันได้ก็ไปกันได้ เป็นการต่อรองภายในกลุ่มกันเองของ 3 พี่น้อง ซึ่งเขาก็บอกอยู่แล้วว่าคบกันมายาวนาน ตนยังเชื่อว่าในที่สุดแล้วทั้ง 3 คนถึงอย่างไรก็ยังคงถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันเพื่อจับมือกันครองอำนาจ ส่วนจะแตกกันหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต
ทำใจ ศท.ไม่กล้าแตกแถวโหวตสวน
เมื่อถามถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) นายสมคิดกล่าวว่าเหมาะสม เพราะ ร.อ.ธรรมนัสเป็นคนนำทีม ส.ส. ที่ไปร่วมพรรคอยู่แล้ว ส่วนอนาคตข้างหน้าในการเลือกตั้งประชาชนจะชื่นชอบพรรค ศท.หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในฐานะที่เป็นพรรคใหม่ขอต้อนรับ เมื่อถามว่ามองท่าทีของพรรคศท.ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไร เพราะ ร.อ.ธรรมนัส ออกมาการันตีให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพียงคนเดียว นายสมคิดกล่าวว่า ยังไม่เชื่อสิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวไว้ เพราะเห็นได้จากการลงคะแนนร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 ตอนแรกเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว แต่ที่สุดแล้วก็เห็นไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล แสดงให้เห็นว่าพรรค ศท.ยังเกรงใจ พล.อ.ประวิตร ถึงขั้นไม่กล้าลองดีกับคนมีอำนาจในรัฐบาล เมื่อเป็นลักษณะนี้เราไม่ได้คาดหวังท่าทีที่แข็งกร้าวอะไรของเขามากมาย “ส่วนความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยพร้อมแล้ว อยู่ระหว่างซักซ้อมและเตรียมข้อมูลเพิ่มเติม เรามั่นใจว่าด้วยข้อมูลของเรารัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายต้องจนมุมกลางสภาฯ แต่ด้วยมือในสภาฯเรายังไม่สามารถยืนยันว่าจะล้มได้ แต่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งทั่วไปในอนาคตแน่นอน” นายสมคิดกล่าว
ท้า “บิ๊กตู่” ไฟเขียวปิดสวิตช์ ส.ว.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุไม่อยู่จนตายคารัง อาจเป็นนายกฯนานหน่อย แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจกำลังส่งสัญญาณแสดงถึงความไม่มั่นใจก้าวเข้าสู่ 3 สมรภูมิสุดท้าย คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การพิจารณาร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ และการดำรงตำแหน่งนายกฯรวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี ถ้าไม่เข้าตาจน พล.อ.ประยุทธ์อาจไม่นึกถึงประชาชน ก่อนหน้านี้บอกว่าไม่ออก “มึงมาไล่ดูสิ” มาวันนี้บอกว่าอยู่หรือไปขึ้นกับประชาชน สวนทางกับที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐบอกตั้งแต่แรกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา ถ้าจริงใจควรมุ่งมั่นให้แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยเฉพาะมาตรา 272 ปิดสวิตช์ ส.ว.เลือกนายกฯ อย่าโบ้ยให้เป็นหน้าที่สภาฯ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เพิ่งรู้ตัวว่าการเป็นนายกฯ 8 ปีนานไปหน่อย ขอให้รู้ว่าประชาชนอยู่ในสภาพสิ้นหวัง มองไม่เห็นอนาคตและโอกาสมานานมากกว่าที่นายกฯรู้สึกมาก การแก้ไขกติกาให้เป็นธรรม สุจริตและเที่ยงธรรม ยึดโยงกับประชาชน ต้องลงมือทำ ไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อย
หยันนโยบายก๊อบปี้ “ทักษิณ” หมด
น.ส.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลโยนหินถามทาง เตรียมแก้กฎหมายเปิดจำหน่ายสลากตัวเลข 3 หลัก หรือฟื้นหวยบนดิน 2 ตัว 3 ตัวภายในปีนี้ว่า สิ่งที่รัฐบาลพยายามจะทำ ประชาชนต้องได้ประโยชน์จากการขายหวยบนดินครั้งนี้ เหมือนที่รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เคยทำโครงการหวยบนดิน ขจัดอิทธิพลมืด และสร้างรายได้ให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวนมาก แบ่งสัดส่วนเข้าการกุศล ให้ทุนการศึกษานักเรียนต่างจังหวัดมีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่วัตถุประสงค์การฟื้นหวยบนดิน เป็นเพราะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการหารายได้เสริมเติมจุดอ่อนที่ไม่มีความรู้ความสามารถจะสร้างงาน สร้างโอกาส และหารายได้เข้าประเทศใช่หรือไม่ 8 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นยุคหวยแพงเฟื่องฟู เงินกู้ (ออนไลน์) เกลื่อนกลาด ถึงแม้นายกฯจะฉุนเฉียวเป็นพิเศษที่มีใครพูดว่า ทำนโยบายเหมือนนายทักษิณ แต่นโยบายที่ท่านทำอยู่ตอนนี้ ทุกโครงการเหมือนของนายทักษิณเกือบทั้งหมด
กก.ตื๊อตัวแปรโหวตตรงไปตรงมา
นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรคก้าวไกลเตรียมพร้อมอย่างละเอียด ตามมาตร ฐานตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและถี่ถ้วน คัดเลือกข้อมูลอย่างดีที่สุด เราทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอน ราย ละเอียดจะเปิดเผยในวันอภิปรายจริง พรรค ศท.และพรรคเล็กถือเป็นตัวแปรสำคัญ รัฐบาลต้องการล็อกเสียงเป็นธรรมดา ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ถ้ารัฐมนตรีหรือนายกฯไม่สามารถตอบได้ ควรจะลงคะแนนอย่างตรงไปตรงมา อย่าไปล็อบบี้หรือทำอะไรอย่างที่เคยมีมาในอดีต หากทำแบบนี้จะทำให้สภาฯเสียหาย เมื่อถามต่อว่า จะเกิดการต่อรอง แจกกล้วยหรือต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกันเข้มข้นหรือไม่ นายธีรัจชัยกล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อตำแหน่งว่างจะเกิดการต่อรองขึ้น แต่จะเป็นอย่างไรไม่สามารถก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ ยังไม่มีเรื่องพรรคฝ่าย ค้านหารือกับกลุ่มสวิงโหวต เพื่อโหวตไม่ไว้วางใจ
ข่มขวัญ รมต.อาจถึงขั้นตกเก้าอี้
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มถูก ดำเนินคดี เช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทยและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายธีรัจชัยกล่าวว่า อาจเป็นเรื่องจังหวะพอดี แต่ทำให้ความน่าเชื่อถือของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายรัฐมนตรีจะลดลงไป อาจเป็นประเด็นหนึ่งที่เป็นตัวเสริมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ไม่ใช่ประเด็นหลัก และไม่ใช่การเมืองที่ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าว ช่วงสมัยสุดท้ายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ รัฐมนตรีต้องเสียหายอย่างมาก อาจถึงขั้นหลุด ถ้าไม่สามารถตอบได้จริงและอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
“ไพบูลย์” ตอกฝ่ายค้านแค่ราคาคุย
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.และรัฐมนตรีของพรรคว่า คงต้องรอให้ฝ่ายค้านยื่นญัตติต่อประธานสภาฯให้เรียบร้อย จากนั้นจะเอาญัตติมาดูอีกครั้งหนึ่งว่า ได้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีท่านใดบ้าง ประเด็นใด แล้วจึงค่อยพิจารณาตามขั้นตอนเตรียมความพร้อม เช่นเดียวกับที่เคยทำมาก่อนหน้านี้ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 3 ครั้ง ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง ยิ่งช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่เห็นประเด็นที่จะทำให้เกิดปัญหาใดๆทั้งสิ้น เท่าที่ ฝ่ายค้านอภิปรายในโอกาสอื่นๆมา เรื่องของรัฐบาลประเด็นมีแต่เพียงคำพูดเท่านั้น ไม่ได้สามารถที่จะทำให้ประชาชนเห็นถึงปัญหาจริงจังอย่างที่ฝ่ายค้านพูดไว้
หยันฝ่ายค้านล่วงเลยยิ่งเสียงหดหาย
นายไพบูลย์กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาลคงจะดูแลให้เกิดความเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร โดยเฉพาะเสียงของรัฐบาลยิ่งช่วงปลายเทอม อีกไม่กี่เดือนจะครบวาระ จะมีการเลือกตั้ง ยิ่งทำให้มั่นใจ คงไม่มีใครอยากกระโดดโหวตสวนกลายไปเป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นมีแต่ว่าฝ่ายค้านเท่านั้นแหละยิ่งล่วงเลยเวลามานาน ยิ่งจำนวนลดน้อยลง เพราะ ส.ส.ถ้ารู้ว่าพรรคไหนจะไปเป็นฝ่ายค้านแน่นอนก็ไม่ค่อยอยากจะอยู่ ยิ่งช่วงที่จะใกล้เข้าสู่การเลือกตั้งต้องเร่งทำผลงาน อยู่ฝ่ายรัฐบาลจะได้ประโยชน์มากกว่าในการที่หาเสียงกับประชาชน เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะแกนนำรัฐบาลจะทำให้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลโหวตให้ผ่านญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แน่
พรรคเล็กยื่นเรื่อง “บิ๊กตู้” ขอหาร 500
นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงจุดยืนกลุ่มพรรคเล็กต่อสู้เรื่องสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้หาร 500 ในวาระ 2-3 ว่า พรรคเล็กทั้งในและนอกสภาฯ42 พรรคมีมติจะยื่นหนังสือเรียกร้องให้พรรคใหญ่ที่สนับสนุนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหารด้วย 500 ให้เป็นตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ต้องการให้เกิดเผด็จการรัฐสภา มีพรรคผูกขาด สัปดาห์หน้าจะยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา และแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ทราบเจตนารมณ์พรรคเล็ก จะประชุมกันอีกครั้งวันที่ 16 มิ.ย. เซ็นชื่อลงในหนังสือที่จะส่งถึงบุคคลต่างๆนัดหมายแบ่งสายไปยื่นหนังสือ ยังไม่ได้ประเมินจะมีพรรคร่วมรัฐบาลใดเห็นด้วยกับสูตรหาร 500บ้าง ไม่ได้หวังผลจะต้องมาเห็นด้วยกับพรรคเล็ก ให้เป็นจุดยืนแต่ละพรรคในการโหวตวาระ2-3
เด็ก กก.แปรญัตติเลิกบังคับทรงผม ตร.
พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติของรัฐสภาว่า สัปดาห์หน้ายังเหลืออีกหลายมาตราให้สู้ต่อ ได้สงวนไว้คือเสนอเพิ่มความในมาตรา 143 วรรคสอง เป็นข้าราชการตำรวจทุกเพศมีสิทธิและเสรีภาพในการไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้โดยสุภาพและเรียบร้อย การออกกฎ ระเบียบหรือคำสั่งเกี่ยวกับทรงผมข้าราชการตำรวจให้จำกัดสิทธิและเสรีภาพได้เท่าที่จำเป็นเพื่อความสุภาพและเรียบร้อยเท่านั้น แม้แต่เด็กนักเรียนปัจจุบันยังยกเลิกบังคับตัดทรงผมล้าหลังไปแล้ว ตำรวจทุกคนเป็นผู้มีวุฒิภาวะ ไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดเลยที่ต้องบังคับตำรวจชายตัดผมสั้นเกรียนเหมือนกันหมด เป็นผลมาจากการออกระเบียบโดยอำนาจ ผบ.ตร. เชื่อว่าข้าราชการตำรวจจำนวนมากอึดอัดไม่พอใจ แต่ต้องจำทนกับคำสั่งละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นนี้ กมธ.เสียงข้างน้อย ถ้าโหวตชนะจะมีผลให้ระเบียบทรงผมขาวสามด้าน ที่ ผบ.ตร.บังคับถูกยกเลิกไปโดยปริยาย และจะออกคำสั่งลิดรอนสิทธิในทรงผมเช่นนี้ไม่ได้อีก ตำรวจทุกนายนอกจากเป็นกำลังใจ ยังมีส่วนร่วมด้วยการส่งข้อความหรือแสดงเจตจำนงไปถึง ส.ส.ของท่าน เพื่อเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนี้ได้ เราจะชนะไปด้วยกัน
ปธ.รัฐสภาเปิด 7 ช่องทางร้องทุกข์
นายราเมศ รัตนะเชวง เลขานุการประธานรัฐสภา เปิดเผยว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาต้องการให้รัฐสภาเป็นศูนย์กลางรับฟังปัญหาประชาชน เพื่อส่งต่อไปยังฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่ใช่แค่ออกกฎหมายอย่างเดียว ต้องเป็นศูนย์กลางรับฟังปัญหาของประชาชนที่ร้องเรียนกันมาจำนวนมากเพื่อส่งต่อ ประสานติดตามให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาให้ประชาชน หรือส่งปัญหาไปยังคณะกรรมาธิการคณะต่างๆแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยใช้บริการผ่านช่องทาง อาทิ 1.ส่งจดหมายเรื่องราวร้องทุกข์ถึง ประธานรัฐสภา หรือประธานสภาฯมาที่อาคารรัฐสภา (แยกเกียกกาย) ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ เขียนหน้าซองว่า “หนังสือร้องทุกข์” 2.โทรศัพท์มาที่หมายเลข กลุ่มประสานการเมืองและรับเรื่องราวร้องทุกข์ โทร. 0-2242-5900 ต่อ 5040, 50413.ผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://www.parliament.go.th/help 4.ทางอีเมล help@parliament.go.th 5. เฟซบุ๊ก แฟนเพจ ชื่อว่า “ร้องทุกข์ถึงประธานรัฐสภา 6.LINE Official Account ชื่อว่า“ร้องทุกข์-ปธ รัฐสภา” 7.ทวิตเตอร์ชื่อว่า“ร้องทุกข์ ถึงประธานรัฐสภา” @chuanforpeople ทุกเรื่องที่ประชาชนร้องทุกข์จะถึงมือประธานรัฐสภาทุกเรื่อง
“ธนกร” เตือนชุมนุมอย่ากระทบ ปชช.
วันเดียวกัน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวถึงกิจกรรม “เดินไล่ตู่” ของกลุ่มที่ต้องการแสดงจุดยืนไม่เอารัฐบาล ว่า เป็นสิทธิที่ทำได้ตามกฎหมาย ต้องชุมนุมด้วยความสงบ ปราศจากอาวุธ แต่ขอให้คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นด้วย ควรวางแผนไม่ให้กระทบการสัญจรของประชาชน และป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่และผู้ไม่เห็นด้วย รัฐบาลพร้อมเปิดกว้างรับฟัง ความคิดเห็นทุกฝ่ายทุกช่องทาง รวมถึงกระบวนการทางสภาฯที่มีตัวแทนของประชาชนทั่วประเทศอยู่แล้ว ขอประชาสัมพันธ์ไปยังชาว กทม.ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางที่จะมีการชุมนุม ตั้งแต่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 12.00 น. และตลอดเส้นทางการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเวลา 15.30 น.เป็นเส้นทางสายหลักการจราจรหนาแน่น นายกฯแสดงความห่วงใยผู้ชุมนุมและผู้สัญจรไปมา ขอให้ทุกคนเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน ฝากให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ม็อบเสื้อแดงรุ่นใหญ่เดินเท้าไล่ “บิ๊กตู่”
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลางกลุ่มมวลชนอิสระนัดหมายจัดการชุมนุม “เดินเท้าไล่ตู่” อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อแสดงออกว่าไม่ต้องการรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ผู้เข้าร่วมล้วนเป็นหน้าเก่าขาประจำชาวม็อบตั้งแต่เสื้อแดง นปช. จนถึงม็อบราษฎร ก่อนหน้าจะเคลื่อนขบวนมี พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.ชนะสงคราม พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สน.สำราญราษฎร์ มาดูแลความเรียบร้อยและพูดคุยกับผู้ชุมนุม พล.ต.ต.จิรสันต์กล่าวว่า ภาพรวมการชุมนุมวันนี้ไม่น่ากังวล เจ้าหน้าที่ไม่ได้นำตู้คอนเทนเนอร์มาปิดกั้นเส้นทาง ให้ตำรวจจราจรมาคอยอำนวยความสะดวก และได้เตรียมกำลังไว้หากเกิดสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ เนื่องจากเป็นการชุมนุมที่ไม่มีแกนนำ อาจทำให้การสื่อสารไม่เป็นเอกภาพ ตำรวจจะคอยกำกับดูแลรักษาความเรียบร้อย
เคลื่อนขบวนรวมตัวอนุสาวรีย์ชัยฯ
จากนั้นเวลา 15.35 น. นายวีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล อายุ 62 ปี เสื้อแดงรุ่นใหญ่ ประกาศให้มวลชนตั้งขบวนบนถนนราชดำเนินกลาง แล้วเคลื่อนตัวไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หัวขบวนเป็นชายฉกรรจ์วัยรุ่นทะลุแก๊สขับขี่จักรยานยนต์บีบแตรเสียงดัง ตามด้วยขบวนเดินเท้า ส่วนใหญ่เป็นชายหญิงสูงอายุ ต้องแจกยาดมยาหม่องไปตลอดทาง และยังมีรถซาเล้ง รถยนต์กระบะติดเครื่องขยายเสียง โดยนายไพศาล จันปาน อายุ 50 ปี แกนนำเสื้อแดงรุ่นใหญ่ ถือโทรโข่งสื่อสารกับมวลชนในขบวน เชิญชวนผู้คนสองข้างทางเข้าร่วม โดยม็อบเดินเท้าไล่ตู่เคลื่อนผ่านแยกผ่านฟ้า เข้าถนนนครสวรรค์ ถนนพิษณุโลก ถนนเพชรบุรี ถนนพญาไท ตลอดทางมีการโบกธงแดง ชูป้ายประณามรัฐบาล สถาบันตุลาการ ยกเลิก 112 พร้อมตะโกนไล่ พล.อ.ประยุทธ์ออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้ นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือป้าเป้า นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกฯในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมเดินขบวน เป็นที่น่าสังเกตว่าไร้เงามวลชนวัยรุ่นหนุ่มสาวนักศึกษาและแกนนำคนสำคัญๆของม็อบราษฏร ที่เคยเป็นหัวหอกและมวลชนกลุ่มหลักในม็อบ
ตร.ดักสกัดบุกบ้านนายกฯตู่
กระทั่งเวลา 17.00 น. ม็อบเดินเท้าไล่ตู่เคลื่อนมาถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยึดฟุตปาทเกาะกลางอนุสาวรีย์ชัยฯรวมตัว นายวีรวิชญ์ใช้โทรโข่งชี้แจงกับผู้ชุมนุมว่าจะไม่มีการเดินขบวนไปบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ ที่ ร.1 ทมรอ. ถนนวิภาวดี เนื่องจากผู้มาร่วมส่วนใหญ่อายุมาก เพื่อความปลอดภัยของทุกคน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมอุปกรณ์ควบคุมฝูงชนครบมือ ทยอยเข้าประจำการ เพื่อสกัดไม่ให้ม็อบรุ่นใหญ่เคลื่อนไปที่บ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จากนั้นมวลชนอิสระเริ่มจัดกิจกรรมที่กลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เริ่มจากการยืนหยุดขัง เรียกร้องปล่อยตัวผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ก่อนเชิญชวนผู้ชุมนุมเปิดแฟลตโทรศัพท์มือถือ
นัดหน้า 17 มิ.ย. ปิดห้าแยกลาดพร้าว
ต่อมา มวลชนอิสระเริ่มจัดกิจกรรมที่กลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นายธนายุทธ ณ อยุธยา หรือบุ๊ค แรปเปอร์ นำแนวร่วมยืนหยุดขัง แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องปล่อยตัวผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ขณะที่นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง กล่าว ปราศรัยโจมตีมาตรา 112 และความไม่เป็นธรรมในการดำเนินคดี ปิดท้ายด้วยการร้องเพลง “เพื่อมวลชน” ก่อนยุติการชุมนุมในเวลาประมาณ 18.05 น. โดยนายธนเดช ศรีสงคราม หรือม่อนอาชีวะ ได้ประกาศ เชิญชวนมวลชนไว้ว่า ในวันที่ 17 มิ.ย.จะเดินทางไป ชุมนุม ปิดห้าแยกลาดพร้าว เพื่อทวงคำตอบกระทรวงพลังงาน เรื่องการลดราคาน้ำมันเบนซินที่เคยเรียกร้องไว้
“ทะลุแก๊ส” รวมพลแยกดินแดง
จากนั้นเวลา 18.30 น. ที่แยกดินแดงกลุ่มมวลชน “เดินไล่ตู่” จำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นกลุ่มทะลุแก๊สและมวลชนเสื้อแดงรุ่นใหญ่สายฮาร์ดคอร์ ไม่ยอมยุติชุมนุมขับขี่รถจักรยานยนต์และเดินเท้าไป รวมตัวกันที่แยกดินแดง ก่อนเบิ้ลเครื่องเสียงดัง แสดงท่าทีจะมุ่งหน้าไปยังบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ ร. 1 ทม.รอ.ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่วางกำลัง ไว้ก่อนหน้า ออกมาตั้งแถวแนวโล่ขวางถนนวิภาวดีขาออกช่องทางคู่ขนาน นำรถฉีดน้ำแรงดันสูงและรถเครื่องขยายเสียงมาจอดสกัดกั้น โดยประกาศให้ยุติชุมนุมกลับบ้าน แต่กลุ่มม็อบไม่ฟังเริ่มยั่วยุเจ้าหน้าที่ รื้อทำลายแผงรั้วเหล็ก กรวยจราจรริมถนน ขว้างปาวัตถุ ต่างๆและมีเสียงดังคล้ายระเบิดเข้าใส่แนวรับของตำรวจ
ปาบึม–เผารถกระบะ ตร.วอด
กำลังตำรวจควบคุมฝูงชนที่ออกมาตั้งแนวรับบนถนนวิภาวดีฝั่งขาออก เริ่มขยับแนวโล่กระชับพื้นที่เข้าหาผู้ชุมนุม พร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูง ขณะที่กำลังตำรวจอีกชุดหนึ่ง ประกอบด้วยชุดเคลื่อนที่เร็วติดอาวุธปืนยิงกระสุนยาง และกำลังแนวโล่ควบคุมฝูงชน เคลื่อนเข้ามาฝั่งดินแดงเข้ายึดพื้นที่ใต้ทางด่วน ผู้ชุมนุมวัยรุ่นแตกกระเจิงถอยพลางตอบโต้ด้วยการขว้างปาวัตถุคล้ายระเบิดและระเบิดเพลิงใส่เจ้าหน้าที่แล้วมุ่งหน้าไปรวมตัวหน้าตลาดศรีวานิช ระหว่างนั้นมีรถกระบะของตำรวจ หมายเลข 07444 ของ สน.ดินแดง 1 คัน วิ่งมาทาง ฝั่งตรงข้ามตลาดศรีวานิช ถูกผู้ชุมนุมวัยรุ่นนำระเบิด เพลิงขว้างเข้าใส่ จนเกิดไฟลุกโชนเสียหาย แต่ไม่มี ผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยตำรวจเริ่มระดมกำลังเสริมเตรียม กำลังเข้าสลายการชุมนุม
จนท.ระดมเคลียร์พื้นที่โจ๋หนีกระจาย
กระทั่งเวลา 19.20 น. ตำรวจเข้ากระชับพื้นที่หน้าตลาดศรีวนิช ดินแดง 3 ทิศทาง โดยใช้ชุดเคลื่อนที่เร็ว เป็นรถกระบะนับสิบคัน ขนกำลังพลที่มีทั้งโล่ กระบองและปืนยิงกระสุนยาง มุ่งหน้าจากแยกดินแดง รุกเข้าหา ผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันก่อความไม่สงบ ที่พยายามใช้พลุ ยิงสกัดเจ้าหน้าที่ แล้วถอยร่นหนีไปทางฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและซอยรางน้ำ ต่อมา กำลังตำรวจชุดเดินเท้า อีก 1 กองร้อย ตั้งแถวเดินหน้าเข้าเคลียร์พื้นที่รุกไล่ผู้ชุมนุมที่ยังตกค้างในพื้นที่ อีกชุดหนึ่งรุกเข้ามาทาง ฝั่งซอยรางน้ำเข้ามาบรรจบกัน มีการจับกุมตัวผู้ชุมนุม ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ได้บางส่วน แต่ส่วนใหญ่แยกย้ายกระจัดกระจายหลบหนีไป