“พล.อ.ประยุทธ์” ไลฟ์นั่งเรือไฟฟ้าไปเปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทร ฝากช่วยกันทำบ้านเมืองให้สงบ รับนักท่องเที่ยว ขอคนบ้านริมน้ำช่วยทำให้สะอาดตา ยัน รัฐบาลไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

เมื่อเวลาประมาณ 09.45 น. วันที่ 8 มิ.ย. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งเรือไฟฟ้าจากท่าเรือสาทร ไปยังท่าช้าง ซึ่งทั้ง 2 แห่ง ได้รับการพัฒนาเป็นท่าเรืออัจฉริยะ เพื่อเป็นประธานเปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทร “SMART PIER SMART CONNECTION” โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองเลขาธิการพระราชวัง และรองผู้อำนวยการทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม

ในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นกล่าวบนเวทีว่า วันนี้ทำสำเร็จมาได้มากพอสมควรในเรื่องนี้ ได้เห็นประชาชนยิ้มแย้มแจ่มใสกันดี และเป็นเกียรติที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดท่าเรือท่าช้าง-สาทร ทุกคนคงทราบถึงความตั้งใจในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาล และรัฐบาล ที่มุ่งมั่นพัฒนาขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทุกรูปแบบ เพื่อให้เจริญก้าวหน้า ทันสมัย เชื่อมต่ออย่างมีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบายจากระบบการเดินทางที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ยกระดับขีดความสามารถของประเทศในด้านเศรษฐกิจจากโครงข่ายคมนาคมที่เข้มแข็ง ให้ทุกคนได้เข้าถึงโอกาส มีทางเลือกในการเดินทาง

...

นายกรัฐมนตรี ระบุต่อไปว่า ไม่ใช่ทำตรงนี้แล้วจะเสร็จแค่ตรงนี้ รัฐบาลคิดต่อไปว่าจะมีการเชื่อมโยงเพิ่มต่อไปอีก บางคนเข้าใจ แต่อาจยังมีบางคนไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ใช่แค่ได้นั่งเรือไฟฟ้าสะดวกสบาย แต่ต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอีกเรื่องที่ส่วนใหญ่จัดประกอบในประเทศ ทำให้เกิดห่วงโซ่ ภาคธุรกิจลงทุนก็เกิดขึ้นมาอีก จะทำอะไรทั้งทีมันยาก แต่ทำไปก็สำเร็จเอง โดยเริ่มทำตั้งแต่ปี 2562-2570 รวม 29 สถานีเรือ ไม่ใช่เรียกว่าท่าเรือ ที่มีการให้บริการครบวงจร ก่อนปี 2562 ก็รู้ว่าสภาพเป็นอย่างไร และที่เกิดขึ้นมาได้ไม่ใช่เพราะรัฐบาลอย่างเดียว แต่เป็นเพราะประชาชนร่วมมือด้วย ไม่อย่างนั้นทำอะไรไม่ได้ เราต้องฟังประชาชน อะไรที่ทำได้ ทำไม่ได้ ถ้ายังติดขัดก็อธิบายทำความเข้าใจกัน สภาพแม่น้ำวันนี้ น้ำในแม่น้ำก็ใส คนบนฝั่งก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ถือว่าประเทศไทยมีอะไรดีอีกเยอะ ที่เรียกอำนาจละมุน หรือ Soft Power เพิ่ม Smile รอยยิ้มไปอีกอย่าง เรามีโอกาสอีกเยอะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นแหล่งอาหารที่คนทั้งโลกต้องอาศัย ต้องอยู่กิน

“ถ้าภูมิภาคเรามีความสงบ มีเสถียรภาพ จะไปไหนเสีย เราก็จะมีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นเราต้องอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล และประชาชนทุกคนก็ต้องรักกัน เผื่อแผ่ เข้าใจกัน ไม่เข้าใจก็คุยกันให้รู้เรื่อง เราแบ่งแยกกันไม่ได้เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน ช่วยกันทำเถอะ ทุกคนก็ฝากความหวังไว้กับรัฐบาล ผมก็ฝากความหวังไว้กับประชาชนว่า ขอเพียงแต่ร่วมมือ ให้กำลังใจซึ่งกันและกันเท่านั้นเอง สรุปได้ว่าเราพร้อมที่จะเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตอันใกล้นี้ ตามยุทธศาสตร์ที่เราวางไว้ 20 ปี”

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวต่อไปว่า เราจำเป็นต้องหารายได้ วันนี้คือการท่องเที่ยว การบริการ ทำอย่างไรคนไทยจะเดือดร้อนน้อยที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ นี่คือสิ่งที่เป็นความเจ็บปวดที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลเห็นใจจริงๆ หลายอย่างเกิดผลกระทบขึ้น ซึ่งการเกิดท่าเรืออัจฉริยะที่ดำเนินการนี้เพื่อรองรับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ 2 ข้างทาง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยดูหน้าบ้านหลังบ้านของตัวเองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย

“จะดีจะจนอะไรก็แล้วแต่ ไม่เป็นไรหรอก ตามฐานะก็ว่าไป เพียงแต่ว่าขอให้มันสะอาด สวยงาม ไม่มีขยะ ไม่มีความรกรุงรัง มันก็สวยงามเอง อันนี้ก็ฝากไว้ด้วยแล้วกัน เมื่อมีการท่องเที่ยวทางน้ำก็จะสร้างรายได้ให้ประชาชนได้อีก และเป็นรากฐานที่จะยกระดับประเทศไทยเป็น ไทยแลนด์ 4.0 อย่างที่ตั้งใจไว้ ภายใต้วิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มีใครถามอะไรไหม” แล้วกล่าวต่อเองว่า “คงไม่มีหรอกเนอะ” จากนั้นจึงกล่าวเปิดท่าเทียบเรือท่าช้าง อย่างเป็นทางการ.