5 มิ.ย. วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ “บิ๊กตู่” ยืนยัน รัฐบาลขับเคลื่อนทุกวิถีทางแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟู ลุยยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้นผ่านนโยบายประกันรายได้
วันที่ 5 มิ.ย. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวเนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2565 ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิ.ย. ของทุกปี เพื่อเชิดชูเกียรติสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ชาวนาไทยทั่วประเทศในฐานะผู้ผลิตอาหารหลักให้กับประชาชน รวมทั้งเพื่อรำลึกถึงความสำคัญของข้าวในฐานะเป็นพืชหลักและมีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า “ข้าว” ถือเป็นอัตลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรมที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างชุมชนชาวนาไทยมาอย่างยาวนาน มีการถ่ายทอดมรดกทางภูมิปัญญาในการปลูกข้าวจากรุ่นสู่รุ่น ยังคงวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ข้าวไทย ตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก ไปจนถึงการแปรรูป จวบจนปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยในการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวไทยจนมีชื่อเสียงในระดับโลก ด้วยความสำคัญที่ผูกพันลึกซึ้งระหว่างข้าวและชาวนา ที่มีมาอย่างยาวนาน คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงได้มีมติให้วันที่ 5 มิ.ย. ของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของข้าวที่ผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน รวมทั้งความสำคัญของชาวนาทั้ง 4.7 ล้านครัวเรือน ในฐานะที่เป็นผู้สร้างความมั่นคงด้านอาหารให้แก่ประเทศชาติและเป็นผู้ธำรงรักษาไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของไทย
...
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลเข้าใจถึงปัญหาของชาวนาที่ต้องเผชิญ ทั้งเรื่องปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และสถานการณ์ที่เกิดจากภัยธรรมชาติ รวมทั้งผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งรัฐบาลขับเคลื่อนทุกวิถีทางในการแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสร้างความเข้มแข็งกระจายไปสู่ฐานราก รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนาให้ดีขึ้นผ่านนโยบายการประกันรายได้ ให้ชาวนาทุกคนมีหลักประกันรายได้ที่มั่นคง พร้อมทั้งมุ่งเน้นพัฒนาสายพันธุ์ การรับรองพันธุ์ข้าวที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และสามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมถึงสนับสนุนการรวมกลุ่มของชาวนาทำนาแบบแปลงใหญ่ เพื่อเพิ่มพูนอำนาจในการต่อรองราคาผลผลิตและลดต้นทุนปัจจัยการผลิต รวมถึงส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการ และเชื่อมโยงไปสู่ตลาดผู้บริโภคโดยตรง เพื่อให้พี่น้องชาวนามีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นต่อไป.