"สุทิน" ประธานวิปฝ่ายค้าน สรุปอภิปรายฯ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 66 สับแหลก รัฐบาลบิ๊กตู่ “สิ้นหวัง เจอทางตัน ส่อทุจริต” ชี้ ทำร่างงบฯ แบบเดิม สตาร์ต 4 เครื่องยนต์เศรษฐกิจไม่ได้ แนะทางออกให้คนอื่นมาทำ ย้ำ ฝ่ายค้านไม่ขอรับร่างฯ 

วันที่ 2 มิ.ย. ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 23.47 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 ว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ของรัฐบาลชุดนี้แล้ว ความพิเศษอันนี้ เป็นการจัดงบประมาณในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ประชาชนประสบวิกฤติต่อเนื่องมาจัดงบฯ ตรงนี้ เพื่อต้องการให้ประชาชนฟื้น เมื่อเป็นวาระพิเศษ มันก็ต้องจัดงบฯ แบบพิเศษ แทนที่จะปล่อย เราก็ไม่ปล่อย อยากให้กลับไปแก้ไขเสีย เชื่อท่าทีของเราจะเกิดผลประโยชน์ประชาชนไม่มากก็น้อย

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ประเทศเราตอนนี้ป่วย ประชาชนเป็นทุกข์ วันนี้การพิจารณางบประมาณ เหมือนเรามาเอกซเรย์ ป่วยแล้วก็จ่ายยา วันนี้ ค่ายา 3.185 ล้านล้านบาท จ่ายยาถูกก็น่าจะฟื้น ไม่ถูก ก็อาจตายเลย เมื่อก่อนประเทศเราก็ป่วย ตอนนั้นนายกฯ ต้องเป็นทหาร ตอนนี้เรียกว่าเศรษฐกิจอักเสบ หากแก้ไม่หาย จะกลายเป็นเศรษฐกิจเรื้อรัง ถ้าไม่หายไม่ฟื้นก็เป็นมะเร็ง อาการ คือ รายได้ต่ำ รายจ่ายสูง ประเทศก็เหมือนกันรายจ่ายสูงกว่ารายรับ

หนี้ครัวเรือน หนี้เอ็นพีแอล เป็นปัญหาเกิดจากเครื่องยนต์เศรษฐกิจ 4 ตัวดับหมด จากประมาณการเศรษฐกิจ เราอยู่ท้ายๆ อาเซียน ฟื้นตัวช้าๆ ตัวแรก การบริโภคภาคเอกชน เครื่องยนต์ตัวที่สอง การลงทุนภาคเอกชน ตัวที่ 3 การลงทุนภาครัฐ และตัวที่ 4 การส่งออก ตัวนี้พอขยับดีขึ้นมาหน่อย แต่ตัวนี้มันจะไปช่วยดึงอีก 3 ตัวไหม คำตอบคือไม่

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวอีกว่า มาดูเครื่องยนต์ตัวที่ 3 การลงทุนภาครัฐ 3-4 ปี ที่ผ่านมา คือ ความหวังของเรามาตลอด ปีนี้งบประมาณ 3.185 ล้านล้าน ถ้าเราทำดี จัดงบฯ ดี จะไปซัพพอร์ตตัวอื่นให้กระเตื้องได้ อีกตัวเครื่องยนต์ลงทุนภาคเอกชน ยังไม่ติด นักท่องเที่ยวที่มากันในวันนี้ ไม่ใช่ฝีมือรัฐบาล แต่มาเพราะเป็นธรรมชาติ โควิดเพิ่งหายคนก็เลยมา เปรียบเหมือนรถไหลไปตามธรรมชาติ คือไปช้าๆ ตอนนี้เพียง 30 กิโลเมตร แต่ถ้ารัฐบาลเก่งเพิ่มไปหน่อย ก็เร่งรถได้ไปที่ 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฉะนั้นอย่าเพิ่งตายใจ

...

นายสุทิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราโทษโควิด-19 อีกตัวคือ สงคราม วันนี้ยังมีเงินเฟ้อ น้ำมันแพง ดังนั้นต้องจัดงบประมาณไปขจัดเขม่าเครื่องยนต์ได้ อีก 2 ตัวคือ โครงสร้างเศรษฐกิจแบบเดิม ต่อให้โควิด-19 ไปก็ไม่ฟื้น เพราะประเทศไทยติดเชื้อมาตั้งแต่ปี 57 มันก็ค่อยๆ ซึมมา ปี 62 เลือกตั้งเข้ามา โควิดพอดีมา ก็ไม่ไหวแล้ว

ปัญหามันลึกลงไปแม้เศรษฐกิจฟื้น โควิดไป คนจนในประเทศก็ไม่ฟื้น อีกอันคือความสามารถผู้นำประเทศ และความสามารถของรัฐบาล ที่ต้องเอามาคิดด้วย ไม่รวมเครื่องยนต์ประเทศก็ซึมต่อไป

การทำงบประมาณที่ดี คือ วิเคราะห์ความต้องการประชาชน และวิเคราะห์ความสามารถของประเทศและต้องเป็นข้อมูลปัจจุบันด้วยนะ ไม่งั้นจะมีปัญหา งบประมาณที่เราทำปีนี้ เป้าหมายดีที่สุด คือ ต้องดูแลประชาชน 65 ล้านชีวิต ที่ลำบากให้รอด และดึงประเทศให้กลับมา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส และต้องดูแลประเทศได้ ต้องทำเครื่องยนต์เศรษฐกิจ 4 ตัว เดินให้ได้ ไม่งั้นซึมยาวอีก และต้องวางความมั่นคงระยะยาว นี่คือสิ่งที่ควรเป็นในปีนี้ แต่ถามว่าเป็นไหมครับ

ข้อวิตกกังวลให้ผ่านไม่ได้คือทำแบบเดิมๆ คิดแบบเดิมๆ อันนี้คือข้อผิดหวังข้อแรกที่ไม่อยากให้ผ่าน อีกอันข้อมูลมันไม่อัปเดตไม่ทันสถานการณ์ ทำงบประมาณไว้ล่วงหน้าปีหนึ่งมันไม่ได้ ก็จัดงบประมาณแบบเดิมคือขาดดุล ขาดดุลแล้วก็กู้ แล้วยังเห็นงบประจำสูงขึ้นแล้วงบลงทุนต่ำ งบประจำสูงขึ้นไม่ใช่เป็นธรรมชาติเป็นเพราะนายกฯ คนนี้

งบประจำเป็นงบบุคลากรถึง 40% อันนี้ข้อผิดหวังเพราะงบลงทุนน้อย แล้วเป็นงบลงทุนไม่เกิดรายได้ เช่น ซื้อเรือดำน้ำ ซื้อโดรน ในยามที่จน จะเป็นขอทานอยู่แล้ว แต่เรายังไปลงทุนในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

สิ่งที่พบไม่ตอบโจทย์ประชาชน วันนี้คนอยากให้ลดรายจ่ายเขาลงแล้วเพิ่มรายได้ ส่วนโจทย์ประเทศคืออยากให้เครื่องยนต์ติด 4 ตัว หารายได้ สถานการณ์การคลังก็จะดีขึ้น

ต้องตอบโจทย์จัดงบยังไงให้ปุ๋ยถูกลง สินค้าถูกลง แล้วราคาสินค้าเกษตรของเขาสูงขึ้น ตอนนี้ทุกสาขาอาชีพรอดูว่าจะตอบโจทย์เขาได้ไหม พอทั้งหมดพบไม่ตอบโจทย์แล้ว เมื่อไม่มีก็สิ้นหวัง นายกฯ ก็ตอบเอาเงินมาจากไหน เศรษฐกิจเป็นอย่างนี้มันก็ผิดหวัง สิ่งที่ให้ผ่านไม่ได้ท่านจัดประมาณการรายได้ผิด ที่ท่านประมาณการมันผิด รายได้ก็ไม่มา

ผมคิดว่ารัฐบาลประเมินผิด เมื่อผิดก็กู้เพิ่มมันก็ไปชนเพดาน ถ้าสมมติท่านประมาณการผิดปีนี้จะกู้ได้เพียง 2 หมื่นล้าน เพราะกรอบวินัยการเงินการคลังมันกำหนดแบบนั้น อย่างนี้ปล่อยไปได้เหรอ

นายสุทิน ระบุว่า สรุป นอกจากสิ้นหวังงบประมาณนี้แล้วมีแววทุจริตในงบประมาณนี้อีก ผมถึงว่า"ขอทานจัดงานเลี้ยง"ไง ทั้งงบไปลง"บุรีรัมย์" กองทัพก็มีอารมณ์ซื้ออาวุธ แต่ตอนนี้เราเป็นขอทานก็ต้องประหยัด งดรายได้เท่าที่จำเป็นใช้งบฯ ที่จำเป็นที่สุด มันยังเห็นงบฯ ส่อให้เกิดทุจริตเยอะ ได้ 5 แสนหมด สงสัยตั้งงบฯ 5 แสนเต็มเลย เพื่อหลบอีบิดดิ้งไง

ท่านครับเจองบทางต้นก็ตันหลายเรื่องนะ วันนี้ความเชื่อถือในตัวนายกฯ ไม่มี ที่คาดหวังมากคือลงทุนอีอีซี ถ้าเป็นไปตามเป้า คุ้มแน่ จะพาเครื่องยนต์ 3 ตัวติดด้วย แต่อีอีซียังเป็นขาจ่าย วันนี้อีอีซียังเงียบไม่มา แต่เรายังควักเพิ่มๆ สัญญาณชีพต่ำ เมื่อรออีอีซีไม่ได้ก็ดูงบประมาณ วันนี้เหลือเครื่องยนต์ตัวเดียวคือท่องเที่ยว มันไม่ได้อยู่ในภาวะเสถียรนะ วันนี้สิ้นหวัง เจอทางตัน แล้วมาเจอส่อทุจริต

สิ่งแรกที่จะทำ ถ้าเป็นเราคือทำงบฯ ใหม่ สังคายนาใหม่ เพื่อไทยคิดทางออกปรับระบบทำงบประมาณใหม่หมด เอาความต้องการชาวบ้านเข้ามา ให้ข้าราชการทำทั้งหมด เข้า ครม. เข้าสภาไป กมธ.ทำอะไรได้มันฟิกหมด มาถึงวันนี้ผีถึงป่าช้า ปรับอะไรไม่ได้

"ทุกแนวทางที่บอกวันนี้ ปัจจัยเหลือตัวเดียว รัฐบาลจะเอาไหม คือรัฐบาลหมดสภาพที่จะทำให้ประเทศรอด ไล่ไปไล่มาจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่โควิด เงินเฟ้อ ปัญหาอยู่ที่คนบริหาร ท่านนายกฯ ถ้ายังคิดแบบเดิมแล้วจะเอาอย่างไร ปัญหาผู้นำประเทศคือไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับว่าเศรษฐกิจมันล้มมาตั้งแต่ก่อนโควิด โรคใหม่ไปโรคเก่าก็กำเริบอยู่ดี เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจเก่า ต้องปรับใหม่ ถึงจะได้เงินเพิ่ม สถานะผู้นำขาดความเชื่อมั่น รัฐบาลกำลังจะหมดสภาพ ฉะนั้นยังมีทางออก ใช้งบฯ เก่าไปพลาง สู้ดีท่านก็ไป แล้วให้คนอื่นมาทำ ให้พวกเรามาทำสิ วันนี้ถึงจุดที่ว่าต้องเอาประชาชน เอาประเทศ" นายสุทิน กล่าว...