รองนายกฯ "สุพัฒนพงษ์" แจง ที่ดิน ส.ป.ก. 1.5 หมื่นไร่ ทำศูนย์ธุรกิจอีอีซี ยัน ไม่ผิดวัตถุประสงค์ ข่าวดีรัฐบาลปรับปรุงกฎระเบียบ "ซอฟต์พาวเวอร์" คนรุ่นใหม่ ดึงดูดไทยเป็นศูนย์ถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ
วันที่ 21.57 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดพิเศษ ที่มี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม มีวาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท โดยสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจง เรื่องของงบฯ ปี 2566 ของอีอีซี ได้รับงบฯ เพิ่มมากกว่า 2000 ล้านบาท ท่านไปดูเป็นการพัฒนามาศูนย์ธุรกิจอีอีซีแห่งใหม่ เมืองอัจฉริยะ ก็มีข้อสงสัย เอางบประมาณไปจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก.นับหมื่นไร่ ให้นายทุน โดยไม่ฟังความคิดเห็นของประชาชน ผิดหลักจัดสรรที่ดิน ส.ป.ก. ขออนุญาต รายละเอียดไปว่า กันในวาระ 2 ดูรายละเอียดในเรื่องงบประมาณ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น ขอเรียนว่าการใช้ที่ดิน ส.ป.ก.ประมาณ 1.5 หมื่นไร่ ไม่ผิดวัตถุประสงค์ ยืนยันที่ผ่านมา มีการสำรวจและรับฟังความคิดเห็นประชาชน ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมทั้งเกษตรกร ก็เห็นด้วย ยินดีเข้าร่วมโครงการ อันนี้ขอทราบรายละเอียดจาก อีอีซี ได้ แล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินอมทราย ไม่อุ้มน้ำ มีเกษตรกร ปลูกยาง มันสำปะหลัง จึงเป็นทางเลือกในการพัฒนาอื่นๆ
...
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่มีความเป็นห่วงจะนำไปทำอุตสาหกรรมนั้น ขอเรียนว่า ไม่ได้ทำอุตสาหกรรม เป็นการทำพื้นที่ธุรกิจ เป็นเมืองน่าอยู่ เป็นธุรกิจบริการเป็นส่วนใหญ่ มีการคัดเลือกผู้สนใจมาพัฒนาบริการธุรกิจแห่งนี้ แล้วสิทธิ์ยังอยู่กับรัฐบาลเป็นการให้เช่า เป็นที่ดินของรัฐบาลเมื่อสิ้นสุดสัญญา ทรัพย์ตกเป็นของรัฐอยู่ดี และเป็นหลักการทำงานของอีอีซี เราไม่ได้ดูประโยชน์ทางธุรกิจ เท่านั้น อันนี้เพื่อความกระจ่าง รายละเอียดสามารถสอบถามได้ที่ศูนย์อีอีซี เพื่อป้องกันเกิดความเข้าใจผิด
"ส่วนธุรกิจเอสเอ็มอี หลายท่านมีความเป็นห่วงงบประมาณน้อยเหลือเกิน แต่รัฐบาลให้โอกาส เอสเอ็มอี เข้าถึงจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ จะพยายามผลักดันให้เอสเอ็มอีไทยได้ประโยชน์มากที่สุด สิ่งสำคัญคือการเข้าถึงสถาบันการเงิน ให้มีฐานข้อมูลเข้าถึงแหล่งเงินทุน เชื่อ ส.ส.ทุกท่านจะสนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน" รองนายกฯ กล่าว...
ในส่วนของ "ซอฟต์พาวเวอร์" ขอเรียนด้วยความภาคภูมิใจ ประเทศไทย มีซอฟต์พาวเวอร์อยู่แล้ว สามารถขยายผลไปตลาดโลกไปได้หลายๆ ด้าน ด้านทุนวัฒนธรรมที่เรามีมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งเรามีอยู่แล้วในประเทศไทย ในด้านพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เราแบ่งเป็น 2 ประเภท ในอนาคตจะพยายามเพิ่มเติมรวมได้ 15 สาขา มี 3 ยุทธศาสตร์หลัก คือ พัฒนาบุคลากร-สนับสนุนธุรกิจสู่ตลาดโลก-ปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นข้อจำกัด
"ส่วนเรื่องงบประมาณที่เป็นห่วงกัน เรามีงบประมาณ ตั้งแต่ ปี 64-66 ดำเนินการทำมาต่อเนื่อง ร่วมกัน 3 ปี รวมเป็นเงิน 7 พันล้านบาท ล่าสุดเรื่องที่ดีรัฐบาลได้ร่วมกับเอกชนผู้ประกอบการ เรื่องดึงดูดภาพยนตร์ต่างประเทศ มาถ่ายทำที่ไทย ใช้เวลาไม่นาน เงื่อนไขที่ได้ปรับปรุงให้ไทยเป็นศูนย์ถ่ายทำภาพยนต์ของต่างประเทศได้ ซึ่งเป็นที่พอใจผู้ประกอบการซอฟต์พาวเวอร์ ต่อไป เราเห็นความสำคัญที่จะปรับปรุงกฎระเบียบต่อไป ตรงนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของงบประมาณ แต่เป็นเรื่องจะไปปรับปรุงกฎระเบียบต่อไป อาจจะมีงบในเรื่องส่งเสริมจูงใจ ว่ากันอีกทีทำยังไงจะได้ทัดเทียมกับต่างประเทศ สำคัญที่สุดเราต้องเห็นตรงกันว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรืออุตสาหกรรมที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ ที่ประเทศไทยเราพร้อมอยู่แล้ว เป็นความเข้มแข็งให้เด็กไทยต่อไป" นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว...