“ปู” โต้เดือด “บิ๊กตู่” ขุดหนี้จำนำข้าวตอแย ย้อน “ประยุทธ์” ยึดอำนาจ 8 ปีสร้างหนี้มหาศาล 4.4 ล้านล้าน ตอกหน้าต้องกู้เพิ่มเพราะจำนำข้าวหรือทำงานไม่เป็น “จิราพร” ถล่มยับงบฯฉบับขูดรีด ปชช. กดยอดกู้ต่ำหลบครหา “นักกู้” แต่เก็บเพิ่มภาษีรัฐวิสาหกิจ ปล่อยขึ้นค่าน้ำ-ไฟโขกคนไทย “ไชยา” ซัดถลุงซื้ออาวุธ 10 ปี 4.5 แสนล้าน พอกหนี้มโหฬารแตะ 10 ล้านล้าน “อนุดิษฐ์” ปูดเงินทอน ทร.ซื้อโดรนยูเอวีไร้อาวุธ “สมคิด” สวด “นายกฯตู่” ตีกินโกหกกลางสภาฯ จำนำข้าว 5 แสนล้าน ปั่นใช้หนี้เว่อร์ 9 แสนล้าน “ประยุทธ์” หงุดหงิดปัดรีดเลือดคนไทย จวก ส.ส. รู้จักฟังอย่าใช้แต่โซเชียล หวดพรรคใหม่อย่าใช้สภาหาเสียงผิดเวที “ชลน่าน” สวดหยุดโทษคนอื่นโยนผิดสภาฯ ใช้อารมณ์ไม่เหมาะเป็นนายกฯ “พิธา” แจง ก.ก.พิทักษ์ภาษี ปชช. ลั่นเป็นรัฐบาลทำตามที่พูดแน่ “ชัชชาติ” เข้ารับหน้าที่เสียงเชียร์กระหึ่ม เร่งงานด่วน 4 เรื่อง จ่อเพิ่มนโยบายเป็น 300 ข้อ
จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก รัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้พบปะหารือร่วมกับพรรคเล็กร่วมรัฐบาลเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ยื่นข้อเรียกร้องให้จัดสรรโควตากรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ให้ตัวแทนพรรคเล็ก ทำให้นายกฯมั่นใจว่าเสียงพรรคเล็กจะโหวตสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66
...
“บิ๊กตู่” พยักหน้ามั่นใจเสียงพรรคเล็ก
เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 1 มิ.ย. ที่รัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 เป็นวันที่ 2 โดยผู้สื่อข่าวถามถึงเมื่อวันที่ 31 พ.ค. เห็นนายกฯพบปะพูดคุยกับพรรคเล็ก มั่นใจเสียงพรรคเล็กมากน้อยแค่ไหน โดยนายกฯไม่ได้ตอบคำถามเพียงแต่พยักหน้า เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา รักษาการเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย มีนัดกินข้าวกับพรรคเล็ก ในวันที่ 1 มิ.ย. นายกฯเพียงแต่พยักหน้าเช่นกัน และเมื่อถามว่าวันนี้เป็นวันแรกคลายล็อกมาตรการโควิด-19 เปิดสถาบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ นายกฯไม่ได้ตอบคำถาม เดินเข้าลิฟต์ขึ้นห้องประชุมทันที
“ปู” ซัด 8 ปี รบ.ก่อหนี้พุ่ง 4.4 ล้านล้าน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงในการอภิปรายงบฯปี 66 และพาดพิงรัฐบาลตนว่าต้องใช้หนี้โครงการรับจำนำข้าวไปแล้วกว่า 7 แสนล้านบาท รู้สึกได้ทันทีว่าเป็นคำกล่าวหาเดียวกันที่เคยใช้มาเมื่อหลายครั้ง ได้ชี้แจงไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.64 จึงอยากฝากไว้ให้เป็นแง่คิดระหว่างพิจารณางบฯปี 66 ว่า แม้รัฐบาลตนถูกโจมตีอย่างหนักว่า “สร้างหนี้” ทั้งๆที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่เพียง 45.91% แต่หลังรัฐประหารผ่านไป 8 ปี หนี้ได้พุ่งขึ้นไปที่ 60.58% โดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จัดทำงบฯขาดดุลมากขึ้นทุกปี หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนสูงถึง 4.4 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลยังมีแผนการก่อหนี้ไปเรื่อยๆอย่างไร้ยุทธศาสตร์ของการเพิ่มรายได้ ผิดหลักการที่ต้องใช้เงินกู้เพื่อทำให้เศรษฐกิจขยายตัว และเมื่อขณะนี้ประชาชนไม่มีรายได้เพิ่ม หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้เพียงพอ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถลดการขาดดุลงบประมาณลง
กู้เพิ่มจากจำนำข้าวหรือทำงานไม่เป็น
“ดิฉันจึงขอตั้งคำถามไว้ว่า การที่หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหายของรัฐบาลคุณประยุทธ์ เป็นเพราะโครงการรับจำนำข้าวหรือบริหารงานไม่เป็น หากมองย้อนกลับไปดิฉันก็ยังคงภูมิใจที่ได้บริหารประเทศภายใต้หลักการที่เพิ่มเงินในกระเป๋าให้พี่น้องประชาชน พร้อมกับสร้างรายได้ให้ประเทศมากขึ้น จนสามารถประกาศว่าจะทำงบประมาณให้สมดุลได้ใน ปี 2560 แตกต่างจากรัฐบาลปัจจุบันที่ไม่สามารถเป็นที่พึ่งและความหวังของประชาชนได้แม้แต่น้อยค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ
พท.ขย่มต่องบฯขูดรีดประชาชน
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภามีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดย น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายเป็นคนแรกว่า ขอเรียกร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 เป็นฉบับขูดรีดประชาชน เพราะมีการปรับการกู้เงินเหลือ 6.9 แสนล้านบาทจากที่กู้ได้เต็มเพดาน 7.1 แสนล้านบาท ไม่กู้เต็มเพดานกู้น้อยกว่าปี 65 กว่า 5,000 ล้านบาท ลดวงเงินกู้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกวิจารณ์เป็นรัฐบาลนักกู้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังเพิ่มการเก็บภาษีจากรัฐวิสาหกิจ และเพิ่มภาษีในรายการที่กระทบต่อประชาชน ถือว่าซ้ำเติมประชาชนที่เผชิญวิกฤติเศรษฐกิจ ตั้งเป้าภาษีนิติบุคคล 6.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9 หมื่นล้านบาท จากปี 65 มีคำถามจะเก็บจากใคร บริษัทใหญ่หรือบริษัทเล็ก ขอตั้งข้อสังเกตว่าการจัดเก็บภาษี 80% มาจากบริษัทใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลอาจทำโครงการเอื้อให้บริษัทใหญ่มีรายได้เพื่อจ่ายภาษีตามเป้า โดยละเลยการสนับสนุนบริษัทขนาดกลางและเอสเอ็มอี หากรัฐบาลทำได้ไม่ตามเป้า กรรมอาจตกมายังกลุ่มเอสเอ็มอี
ผู้นำใช้น้ำไฟฟรี ไม่แยแสทุกข์ ปชช.
น.ส.จิราพรกล่าวว่า การที่รัฐบาลหารายได้จาก การเรียกเก็บภาษีจากรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น 5% ไม่ผิด แต่สิ่งผิดคือปล่อยให้รัฐวิสาหกิจขูดรีดประชาชน เช่น ขึ้นค่าไฟ ค่าน้ำ ซ้ำเติมประชาชน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่รู้สึกอะไร เพราะอยู่บ้านหลวง ใช้ไฟฟรี น้ำฟรี รถหลวง ไม่เข้าใจความทุกข์ประชาชน รัฐบาลทำงบฯ ด้วยโครงสร้างเดิม ไม่มีทิศทาง เปลี่ยนแค่ปีงบฯเท่านั้น หากรับร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 ประชาชนเดือดร้อน แสนสาหัส 8 ปี รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์สร้างรายได้ ไม่เป็น เมื่อต้องการสร้างรายได้จึงรีดภาษีมากขึ้น ถ้าประชาชนให้โอกาสพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลอีกครั้ง จะนำนโยบายเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซอฟต์เพาเวอร์ มาใส่ในเศรษฐกิจประเทศ เพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ ความคิดสร้างสรรค์ไม่มีวันเกิดขึ้นจากรัฐบาลเผด็จการ สืบทอดอำนาจ หากปล่อยให้งบผ่าน วิกฤติ จะวนซ้ำซาก ต้องให้ร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 ตกไป ให้รัฐบาลจากการเลือกตั้งทำงบฯคืนความหวังให้คนไทย
ถลุงซื้ออาวุธผูกพัน 10 ปี 4.5 แสนล้าน
นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การที่รัฐบาลจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 แบบขาดดุล ต้องมั่นใจว่า จะหารายได้มาใช้จ่ายในงบประมาณได้ การใช้วิธีกู้เงินมาเป็นรายได้ จึงต้องก่อให้เกิดการหมุนเวียนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ใช้เงินมือเติบ สุรุ่ยสุร่าย อาทิ งบฯความ มั่นคง ซื้ออาวุธระยะยาว 10 ปี รวมถึง 4.5 แสนล้าน บาท ขณะที่งบลงทุนที่ระบุไว้ 21.8% เป็นงบลงทุนจริงๆ แค่ 15.46% ต่ำกว่าระดับความเป็นจริง ควรเพิ่มให้ เกิดการสร้างงาน รายได้ มุ่งสู่การแข่งขัน แต่การจัดงบ ของรัฐบาลไม่สมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐบาลประมาณการจัดเก็บรายได้ไว้ 2.49 ล้านล้านบาท แต่ปี 58-65 จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าทุกปี โดยเฉพาะปี 63 จัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าถึง 3.4 แสนล้านบาท ต้องกู้เงินมาเพิ่ม ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นทุกปี
หนี้สาธารณะแตะ 10 ลล.สูงสุดใน 15 ปี
นายไชยากล่าวอีกว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีหนี้ สาธารณะแตะ 10 ล้านล้านบาท สูงสุดรอบ 15 ปี ถ้าปี 66 เก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าอีกต้องไปกู้เงินเพิ่มอีก เป็นภาระจัดทำงบฯปี 67 รัฐบาลประกาศคนจนจะ หมดประเทศ แต่กลายเป็นคนจนเต็มประเทศ ประชาชน มีหนี้ครัวเรือนจำนวนมาก ปี 65 มีหนี้ครัวเรือน 14 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินอุปโภค บริโภค หนี้ บัตรเครดิต ถึงขั้นคนไทยยอมติดโควิดเอาเงินประกัน มาใช้หนี้ จนบริษัทประกันเจ๊ง สมัยก่อนคนหาเช้ากินค่ำ แต่ปัจจุบันหาเช้ากินไม่ถึงค่ำ มีทางแก้เดียวคือเปลี่ยนรัฐบาลง่ายที่สุด หมดเวลาของรัฐบาล “ลุงตู่” แล้ว
ชงไลฟ์สดอนุ กมธ.งบฯสกัดตบทรัพย์
ต่อมา น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรค ปชป.อภิปรายว่า ขอฝากให้ ผอ.สำนักงบฯจัดเจ้าหน้าที่ติดตามการประชุมสภาฯด้วย งบฯจังหวัด ควรให้ทางจังหวัดจัดงบฯของแต่ละจังหวัดเอง ไม่ใช่ สำนักงบฯไปจัดสรรงบฟังก์ชัน หรืองบภาระหน้าที่ไปให้แต่ละจังหวัด ไม่ตรงกับความต้องการของคน ในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรกับประชาชน ตัวอย่างจ.สมุทรสงคราม จัดงบจังหวัดให้ 15 ล้านบาท ไปสร้าง ตลาดกลางไปสร้างศูนย์จำหน่ายสินค้าโอท็อป แต่สร้างเสร็จไม่มีคนมาขาย สุดท้ายต้องทิ้งกลายป่ารกร้าง สูญเปล่าไปฟรีๆ ไม่ใช่สักแต่สร้างเพื่อกินเปอร์เซ็นต์ งบฯขุดบ่อน้ำบาดาลของกรมน้ำบาดาล จัดงบให้ 2,910 ล้านบาท ไม่เพียงพอ ภาครัฐยังนิยมขุดบ่อขนาดเล็กให้หมู่บ้านละ 1 บ่อ บ่อละ 1 ล้านบาท ความคุ้มค่าและคุณภาพน้ำ การส่งน้ำครอบคลุมพื้นที่ ไม่ดีเท่าบ่อขนาดใหญ่บ่อละ 50 ล้านบาทที่ลึกกว่าได้น้ำคุณภาพดีกว่าและส่งน้ำได้ถึง 20 กม. คุ้มค่าประหยัดงบฯมากกว่า และขอให้ไลฟ์สดในการพิจารณา งบฯของกระทรวงทบวงกรมในชั้นอนุ กมธ.งบฯปีที่แล้วเกิดร้องเรียนตบทรัพย์ข้าราชการจากการขู่ตัด งบฯจนมีเรื่องฟ้องร้อง
“ลุงตู่” หงุดหงิดโต้รีดภาษีคนไทย
จากนั้นเวลา 10.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อภิปรายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า ทุกคนมุ่งหวังให้ประเทศเติบโต แต่นั่งงงจะพิจารณางบฯปี 66 หรืองบพรรคการเมืองใหม่ที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล อย่าใช้โอกาสนี้หาเสียงผิดเวที การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ยอมรับเก็บได้น้อยลง เพราะสถานการณ์โควิด แต่สิ่งที่รัฐบาลเตรียมการคือทำให้จีดีพีสูงขึ้น ต้องทำให้ทุกคนอยู่รอด แน่นอนต้องลำบาก รัฐบาลเองก็ไม่สบายใจ ไม่ใช่มีความสุข แต่ผลสำเร็จที่ทำมาก็มีอยู่ ถ้าจะบอกไม่มีอะไรเลยไม่เป็นธรรม อยากทราบว่าที่ผ่านมาที่ฝ่ายค้านบอกรัฐบาลหารายได้ไม่เป็น ให้มองย้อนไปรัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งบิ๊กดาต้า แก้กฎหมายปฏิรูปอะไรต่างๆ การให้ความสำคัญโครงสร้างพื้นฐาน การลดจำนวนข้าราชการอยู่ในแผน ก.พ. การบอกว่ารัฐบาลรีดภาษี ถามว่า รีดใครหรือยัง ไม่ได้รีดเลือดจากใคร ไม่ได้เพิ่มภาษี เพราะทราบว่าเก็บไม่ได้อยู่แล้ว เวลาพูดไม่ฟังแล้วมาหาทางโจมตีให้มากที่สุด เวลาท่านได้เป็นรัฐบาลก็ต้องทำแบบตน ไม่โทษใคร แต่หลายอย่างต้องร่วมมือกัน เข้าใจไหม อะไรไม่เห็นด้วยตนพร้อมรับไปพิจารณา ส่วนหนี้สาธารณะเป็นเรื่องจำเป็น ก็ไม่อยากปรับแต่จำเป็นต้องปรับ ลองดู 3 ปี ไม่ใช่แค่แช่ไปตลอด ไปศึกษากฎหมายบ้าง เห็นใจคนเป็นหนี้ คนจน หลายโครงการทุ่มเทมหาศาลให้ประชาชนเข้าถึง
จวกให้รู้จักฟังอย่าใช้แต่โซเชียล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การใช้งบฯกลางที่บอกนายกฯมีไว้ใช้เอง เพื่อเอื้อประโยชน์ พูดแบบไม่มีหลักการ การใช้งบฯมีระเบียบ ไม่เคยชี้ว่าต้องให้ไปทำโครงการใด ถ้าข้าราชการบอกทำไม่ได้ก็ฟังเขา ไม่เคยไปสั่งการใคร ขณะที่งบบูรณาการมีความสำคัญ เป็นช่องทางเติมเงินให้โครงการที่ไม่มีงบฯอยู่ ส่วนงบฯร้อยละ 40% ที่เป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐ ข้อเท็จจริงพบว่าค่าใช้จ่ายบุคลากรดังกล่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์ประชาชน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ นำมาดูแลประชาชนเจ็บป่วยและบุคลากรด้านการศึกษา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ส่วนมากเป็นการใช้จ่ายส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทุกอย่างไม่ทันใจ ถ้าเราไม่มีเงิน อย่าไปเปรียบเทียบประเทศมีรายได้สูง ความแตกต่างบริบทประเทศไทยต่างกันอย่างไรให้ดูด้วย อยากให้ฟังบ้าง เวลาแถลง อย่าใช้แต่โซเชียล การจัดทำงบฯปี 66 ทำเองกับมือ มีคณะทำงานเป็นร้อย ไม่ได้คิดเอง
“ชลน่าน” อัดหยุดโทษโยนผิดสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงเสร็จ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านขอใช้สิทธิชี้แจงในสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดในการอภิปรายงบฯเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ถึงการใช้งบฯลงทุนในงบฯปี 65 ไม่ถึง 20% ขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เป็นเพราะถูก กมธ.และสภาลงมติตัดลดงบลงทุนลงว่า ไม่อยากให้นายกฯพูดจาให้ร้ายสภา หน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติคือการอนุมัติงบฯถ้าเห็นว่างบฯใดไม่เหมาะสม มีสิทธิปรับลดไม่ว่างบฯก้อนใด ยกเว้นกฎหมายระบุห้ามปรับลด แต่งบลงทุนกฎหมายไม่ได้ห้ามปรับลด เมื่อเราปรับลด รัฐบาลต้องไปใช้งบฯที่ปรับลดลง จะมาโทษสภาฯไม่ได้ นายกฯไม่ควรแสดงภาวะโยนผิดให้คนอื่น ไม่เหมาะจะเป็นนายกฯ ฝากบอกคนเขียนโพย อย่าใส่อารมณ์มาด้วย ทำให้นายกฯมีอารมณ์
“พิธา” โต้เวทีพิทักษ์ภาษีไม่ใช่หาเสียง
ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายชี้แจงว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ใช้เวทีงบฯหาเสียง แต่คือเวทีพิทักษ์ภาษีประชาชน ถ้าพรรคติอย่างเดียว ไม่นำเสนออะไรใหม่ๆ นายกฯจะหาว่าเป็นเรื่องการเมือง ขอให้นายกฯทำความเข้าใจไว้ด้วย ไม่ต้องกลัว หากถึงเวลาที่พวกตนเป็นรัฐบาลจะทำตามที่พูดแน่นอน
“ขจิตร” ซัดผู้นำไม่รับผิดชอบงบฯ
ต่อมาเวลา 12.05 น. นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า การที่นายกฯบอกพูดอะไร ส.ส.ก็ไม่ฟัง แต่ตอนนี้ตนพูด นายกฯก็ไม่นั่งฟัง นายกฯไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ฟังแล้วไม่รู้จักเปลี่ยนแปลง ทำงบฯไม่ทันต่อสถานการณ์ ถ้าไม่อยากรับผิดชอบกับงบฯลาออกไป ให้คนอื่นมารับผิดชอบ เข้าใจที่นายกฯเหนื่อย แต่บนความเหนื่อยใช้งบฯยืมเงินเป็นหนี้สาธารณะ 10 ล้านล้านบาท รับผิดชอบหรือไม่ เป็นผลงานของนายกฯหรือไม่ ใช้ไปประมาณปีละ 3 ล้านล้านบาท ปีนี้ 3.18 ล้านล้านบาทมีผลอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบ
“บิ๊กตู่” สวนรับผิดชอบทุกอย่าง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ขึ้นตอบโต้ทันทีว่า การกล่าวหาตนไม่รับผิดชอบ โยนความผิดให้คนอื่น ยืนยันไม่ใช่แบบนั้น ตนทำงานฟังคณะกรรมการทุกคณะ นายกฯรับผิดชอบ ไม่หนีแน่นอน ไม่หนีไปไหน รับผิดชอบทุกอย่าง อย่าพูดเกินเลย จะนั่งอยู่ในห้องประชุมหรือไม่ก็มีความรับผิดชอบ มีบันทึกสรุปใครอภิปรายอย่างไร ควรชี้แจงตรงไหน วันนี้มีภารกิจสำคัญรับการมาเยือนของนายกฯสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว งานไม่ได้หยุดนิ่งแต่พร้อมชี้แจง ยืนยันไม่เคยท้อ ทำงานทุกวัน ไม่เคยไปก้าวก่ายสั่งการอะไรที่เกิดประโยชน์กับตัวเอง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ จะดีจะชั่วต้องรับผิดชอบ ไม่หนีท่าน อยากให้ทุกคนเข้าใจ บางครั้งตนค่อนข้างอารมณ์แรงนิดหนึ่ง เพราะเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่จะพยายามระวังอย่างที่สุดในการพูดจาตรงนี้ ขอบคุณคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ จะรับไปแก้ไขปรับปรุงในชั้น กมธ. ถ้าไม่ผ่านก็แล้วแต่ ค่อยไปว่ากัน เพราะประชาชนรออยู่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรใหม่ให้ประชาชนได้อีก
สวดนายกฯตีกิน โกหกกลางสภา
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า แม้ปีนี้งบกระทรวงกลาโหมจะถูกตัดลดลงมา แต่ยังได้งบฯมากอยู่ ทหารเข้าไปทำทุกเรื่อง ไปเกี่ยวข้องกับงบฯสนับสนุนพัฒนาในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก งบฯต่างๆที่เกิดขึ้นในกระทรวงกลาโหมในงบฯปี 66 ตั้งไว้กว่า 70,000 ล้านบาท การจัดซื้ออาวุธจะไปรบกับใคร กองทัพบกจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ 5,128 ล้านบาท กองทัพเรือ 3,510 ล้านบาท กองทัพอากาศ 3,287 ล้านบาท กองบัญชาการกองทัพไทย 463 ล้านบาท และปีหนึ่งมีเกณฑ์ทหาร 1.2 แสนคน เอางบฯไปใช้ทำอะไร ไม่รวมเงินราชการลับ ขอให้เห็นใจประชาชนบ้าง อย่ามาทำในยุคที่โลกสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป ไม่ได้บอกว่าไม่ควรจัดซื้ออาวุธ แต่ควรจัดลำดับความสำคัญให้ดี นายกฯไปแขวะโครงการจำนำข้าวต้องใช้หนี้ 9 แสนล้านบาท แต่โครงการนี้มีมูลค่าแค่ 5 แสนล้านบาทเท่านั้น จึงไม่ใช่ความจริง อย่ามาตีกิน โกหกกลางสภา
“อาคม” มั่นใจจัดเก็บรายได้ตามเป้า
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงถึงการจะจัดเก็บรายได้ 2.49 ล้านล้านบาท ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้หรือไม่ ว่า ที่ผ่านมามีการจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าคือปี 2559 2561 2562 ส่วนปี 2557 2560 2563 และ 2564 จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี จัดเก็บรายได้ไม่เป็นตามเป้า โดยปี 2563-2564 การจัดเก็บรายได้ลดลง เพราะเผชิญสถานการณ์ไวรัสโควิด ทำให้ต้องปิดประเทศ ต้องกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล ส่วนปี 2565 การจัดเก็บรายได้ภาครัฐเดือน ต.ค.64-เม.ย.65 จัดเก็บรายได้สุทธิ 1.27 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 40,000 กว่าล้าน คาดว่าสิ้นปี 2565 จะจัดเก็บรายได้ตามประมาณการหรืออาจสูงกว่าก็ได้ เนื่องจากอยู่ในภาวะราคาอาหารทั่วโลกสูงขึ้น และวิกฤติยูเครน-รัสเซีย อาจทำให้เศรษฐกิจไม่โตอย่างที่คาดไว้ แต่การส่งออกยังขยายตัวได้ตามที่คาดไว้ ส่วนปี 2566 เมื่อเปิดประเทศจะรับรายได้จากนักท่องเที่ยว ทำให้มีฐานภาษีและรายได้จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น คาดว่า 2.49 ล้านล้านบาท จะจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย
“จุรินทร์” ฟุ้งเงินเฟ้อดีกว่าทั่วโลก
ต่อมาเวลา 13.30 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ลุกขึ้นชี้แจงกรณีเงินเฟ้อ และของแพงตอนหนึ่งว่า เงินเฟ้อเกิดจากราคาน้ำมันทั่วโลกสูงขึ้น กระทบต้นทุนการผลิตและค่าขนส่ง แต่ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี โดยไอเอ็มเอฟระบุว่า ไทยอยู่ในกลุ่มเงินเฟ้อต่ำที่สุด คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยอยู่ที่ 3.5% อยู่ในลำดับที่ 163 จาก 192 ประเทศทั่วโลก ส่วนราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ได้ขึ้นไปทั้งหมด มีทั้งกลุ่มที่ราคาคงเดิม กลุ่มราคาปรับลด และกลุ่มราคาเพิ่มสูงขึ้น แต่ยอมรับว่าปุ๋ยแพงจริง ต้องแก้ไข 2 ข้อ 1.ไม่ให้ค้ากำไรเกินควร 2.ให้มีใช้ไม่ขาดแคลน วันนี้ยังกำกับให้เพียงพอได้ เพราะปุ๋ยที่ผลิตจากน้ำมันแพงขึ้นตามราคาน้ำมัน แต่ราคาทั่วโลกเฉลี่ยสูงขึ้น 30% หลังสงครามยูเครน แต่ปุ๋ยไทยเพิ่มขึ้น 5.9% ถือว่าต่ำกว่าราคาเฉลี่ยโลก
“เจี๊ยบ” เหน็บ “ลุงตู่” ติดใจวิถีโจร
จากนั้นนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า งบฯปี 66 เหมือนช้างป่วยแล้ว ควาญช้างยังโง่เขลาเบาปัญญา พาช้างไปอยู่ขอบเหวลึกไปทุกทีๆ จัดงบฯไม่แยแสปัญหาเดือดร้อน งบตำรวจ 1.15 แสนล้านบาท 70% เป็นเงินเดือน 20% เป็นงบสร้างกับซื้อ เหลือแค่ 10% ที่บริการประชาชน ในส่วนของศาลการให้ผู้พิพากษาไปร่วมหลักสูตรกับวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) ขอให้เลิกเสียที จัดหลักสูตรสร้างคอนเนกชัน หลักสูตรละ 1 เดือน สิ้นเปลืองไม่จำเป็น ขณะที่การเลือกตั้งครั้งหน้า กกต.เป็นความหวังเดียว แต่ งบ กกต.ไม่เตรียมไว้สำหรับเลือกตั้ง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงว่าใช้งบเดิมได้แต่ไม่พอ เหตุใดไม่เตรียมให้พร้อม ถ้าไม่มียุบสภาเราจะเลือกตั้งในปี 66 แต่ กกต.กลับตั้งงบไม่เพียงพอ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ติดใจวิถีโจร หรือคิดว่าจะไม่มีการเลือกตั้ง
“กรณิศ” โดดป้อง รบ.มาจากเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อภิปรายถึงตรงนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ประธานที่ประชุม ได้ตักเตือน นางอมรัตน์ถามกลับว่า ผิดตรงไหนก็เขาเป็นโจรปล้นประชาธิปไตยจริงๆ ประธานจึงชี้แจงว่า ถ้อยคำใดที่หนักเกินไปไม่เหมาะไม่ควร ไม่ต้องถอน แต่ขอเตือนว่าไม่เหมาะสม ทำให้นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส. กทม. พรรค พปชร.ประท้วงว่าผู้อภิปรายกล่าวให้ร้าย ทั้งที่ประธานตักเตือนหลายครั้ง ขอให้ประธานสั่งให้ถอนคำพูด เพราะรัฐบาลชุดนี้มาจากการเลือกตั้งตามกฎหมาย สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุลจริงๆ นางอมรัตน์ พูดสวนกลับว่า “ดิฉันไม่นับญาติกับโจร” โดยนายชวน ย้ำว่าเตือนไว้ไม่ได้สั่งให้ถอนคำพูด แต่ให้มีการบันทึกเอาไว้แล้วให้อภิปรายต่อ
ปูดเงินทอน ทร.ซื้อโดรนไร้อาวุธ
ช่วงบ่ายต่อเนื่องถึงเย็น บรรยากาศการอภิปรายค่อนข้างจืดชืด ส.ส.ฝ่ายค้านส่วนใหญ่สลับกันอภิปรายวิจารณ์เน้นย้ำการจัดทำงบฯไม่ตอบโจทย์สอดคล้องวิกฤติ รวมถึงงบลงทุนไม่ตอบสนองการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ฟุ่มเฟือยซื้ออาวุธที่ไม่จำเป็นและไม่โปร่งใส อาทิ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ปี 65 กองทัพเรือ (ทร.) เสนอจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับประจำฐานบิน ชายฝั่ง (ยูเอวี) วงเงิน 4,070 ล้านบาท กำหนดทีโออาร์ชัดเจนมียูเอวี 3 เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง แต่เพื่อนที่ ทร.แจ้งมาว่าการจัดซื้อมีเพียงตัวยูเอวีแต่ไม่ติดอาวุธ ตรวจสอบก่อนประกาศใช้ทีโออาร์ มีเสี่ยชื่อ 2 พยางค์ ใกล้ชิดบิ๊กในกองทัพ วิ่งเต้นแก้ทีโออาร์ให้ซื้อยูเอวีแบบไม่ซื้ออาวุธ เพราะบริษัทชื่อ 3 พยางค์ เสนอราคาอาวุธมาไม่ได้ บริษัทผลิตอาวุธที่เสี่ย 2 พยางค์ เป็นตัวแทนขายอาวุธให้ไม่ได้ และบริษัทจะเพิ่มยูเอวีให้อีก 4 เครื่อง รวมเป็น 7 เครื่อง ลดราคาให้ 1,000 ล้านบาท เหลือ 3,000 ล้านบาท แต่ไม่ใช่ประเด็นเพราะยูเอวีไม่ติดอาวุธจะเป็นปัญหา รบไม่ได้ คนใน ทร.บอกกันว่ามีเงินภาษีประชาชนหล่น 1 ตัน ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ทราบว่ายูเอวี 7 ลำไม่ติดอาวุธราคาจริง 2,000 ล้านบาท เท่านั้น มีเงินทอน มีเอกสารจากสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศยืนยันจัดหายูเอวีแบบไม่ติดอาวุธได้ 2,000 ล้านบาท
กลุ่ม 16-ศท.แท็กทีมโหวตงบฯ
เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ห้อง 503 ชั้น 5 รัฐสภา กลุ่ม 16 นำโดยนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พปชร. ในฐานะประธานกลุ่ม 16 นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทรักธรรม นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติไทย ได้หารือกำหนดท่าทีการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 ก่อนหารือนายพิเชษฐได้เข้าไปพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา รักษาการเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย ที่ห้องพรรคประชาธิปไตยใหม่ ใกล้ห้องประชุมกลุ่ม 16 จากนั้นนายพิเชษฐได้เข้าไปพูดคุย ส.ส.พรรคเล็กกลุ่ม 16 ต่อมาเวลา 15.30 น. นายพิเชษฐและคณะเดินมาพบ ร.อ.ธรรมนัสพูดคุย 10 นาที
“ธรรมนัส” ยักท่ารอฟัง “ป้อม” สั่งไม่ได้
ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือว่า หารือทิศทางภาพรวมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 หลายคนสับสนจะตัดสินใจโหวตอย่างไร จึงมีข้อสรุปขอให้ฟังการอภิปรายให้จบก่อนค่อยหารืออีกรอบ ต้องไปในทิศทางเดียวกันทั้ง 18 เสียงของกลุ่ม 16 และ 18 เสียงของพรรค ศท. เพราะจับมือทำงานในสภาฯว่าให้ไปในทิศทางเดียวกัน เมื่อถามย้ำว่าก่อนหน้านี้พรรค ศท.ระบุว่าจะโหวตผ่านให้รัฐบาล ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ขอดูสาระสำคัญก่อน ถ้าเกิดประโยชน์กับประชาชนก็ผ่าน แต่ถ้ามีประเด็นเสียหายกับบ้านเมือง ต้องมานั่งคิด ที่ผ่านมา 2 วันยังไม่มีประเด็นใดทำให้รู้สึกเกิดความเสียหาย เมื่อถามว่าพรรค ศท.ได้โควตาสัดส่วน กมธ.งบประมาณหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่าเราควรได้ 3 ที่นั่ง ช่วงนี้ไม่ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรค พปชร. รักเคารพเหมือนเดิม แต่เรื่องการเมืองอีกเรื่องหนึ่ง การเมืองต้องเป็นเรื่องของพรรค พล.อ.ประวิตรเข้ามาแทรกแซงไม่ได้ ทั้งนี้จะประชุมพรรคเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่วันที่ 10 มิ.ย. เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ นายพิเชษฐกล่าวถึงพรรคเล็กเข้าพบนายกฯเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ว่า นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทรักธรรม อยากเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯในโควตากลุ่ม 16 เพราะไม่เคยเป็น กมธ.เลย
“วันชัย” พยากรณ์รัฐบาลร่อแร่
นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อเสียงปริ่มน้ำกับดาวมฤตยูและสุริยันจันทรา ระบุว่า ระยะนี้ทั้งราหูและมฤตยูกำลังเขย่าดวงเมืองอย่างแรง ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวราหูอยู่กับลัคนา อาทิตย์เป็นอริ พฤหัสบดีวินาศ พุ่งตรงที่ดวงเมือง ทุกดวงดาวแสดงฤทธิ์เดชเต็มกำลัง สุริยันจันทรากระเพื่อมหนัก ท่าเกียกกายและถนนสามเสนเกิดอาการสะท้านสะเทือน ราหูกับมฤตยูรุมกระหน่ำเต็มที่ เป็นอำนาจความเป็นความตายของรัฐบาลโดยแท้ การโคจรของดาวแต่ละดวงร่อแร่รุ่งริ่งเต็มที ส.ส.ขณะนี้มี 477 เสียง องค์ประชุมต้องมี 239 เสียง ฝ่ายรัฐบาลเดิมมี 269 เสียง หักพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 16 เสียงและพรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 เสียง เหลือ 252 เสียง ฝ่ายค้านเดิมมี 208 เสียง เพิ่มพรรค ร.อ.ธรรมนัส 16 เสียงกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 เสียง เป็น 225 เสียง มีเสียงห่างกัน 27 เสียง ห่างจากองค์ประชุมแค่ 13 เสียง รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมาก โหวตแต่ละครั้งห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามตาย ห้ามลา แค่ดาวเสาร์ ดาวราหู ดาวมฤตยูเล่นเกมสักหน่อย สภาจะล่มแล้วล่มอีก ผ่านกฎหมายไม่ง่ายนัก อาการจึงเจียนอยู่เจียนไป
ทักพรรคเล็ก-พรรคร่วมพาวินาศ
นายวันชัยระบุว่า ถ้าเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐธรรมนูญมาตรา 151 กำหนดว่ารัฐมนตรี ต้องมีเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ละคนต้องได้เสียง 240 เสียงขึ้นไป แต่รัฐบาลมีเสียงอยู่ 252 ต่างกันแค่ 12 เสียงเท่านั้น หวุดหวิดร่อแร่ ยิ่งพรรคเล็กรวมกันได้ราวๆ 25 เสียง แตกทัพออกมาสักครึ่งหนึ่ง แค่นี้ดาวพฤหัสบดีที่เป็น รัฐบาลก็วินาศแล้ว หรือพรรคร่วมฯบางพรรคแตกแถวออกมาบางส่วนก็ทำให้วงแตกได้อีก เพราะดาวอาทิตย์ที่เป็นอริอยู่นั้น ฝังตัวอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลเป็นสนิมเกิดแต่เนื้อใน อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเลข 12 หมายถึงสุริยันจันทราจะมากับมฤตยู คอยดูกันต่อไป
พท.-พรรคเล็กเสียงแตกโหวตคว่ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงทิศทางการลงมติร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 วงเงิน 3.18 ล้านล้านบาท วาระแรกในวันที่ 2 มิ.ย. พรรคร่วมฝ่ายค้านรวม 208 เสียง พยายามผนึกกำลังหาแนวร่วมจากพรรคศท. และกลุ่มพรรคเล็กรวมเสียง ส.ส.ให้ได้เกิน 239 คน จาก ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 477 คน คว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 วาระแรก แต่ยังมีปัญหาเนื่องจากเสียง ส.ส.กลุ่ม 16 ยังไม่ลงรอยกัน เสียงแตกเป็น 3 ฝ่าย ระหว่างกลุ่มที่จะลงมติไม่รับหลักการ กลุ่มงดออกเสียง และกลุ่มที่จะโหวตรับหลักการสนับสนุนรัฐบาล ขณะที่เสียง ส.ส.ฝ่ายค้านจากพรรคเพื่อไทยมีบางส่วนที่พร้อมโหวตรับหลักการร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นกลุ่ม ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย 3 คน ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย รวมถึงกลุ่มงูเห่าที่มีสัญญาใจกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล อาจแตกแถวทำให้แนวโน้มพรรคฝ่ายค้านไม่สามารถรวมเสียงได้ถึง 239 เสียงที่จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้
“ธรรมนัส” ลดโทนยั้งมือแตกหัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันท่าทีกลุ่มร.อ.ธรรมนัสลดท่าทีแข็งกร้าว โดยเห็นว่าเรื่องงบฯเป็นเรื่องสำคัญ ต้องนำไปแก้ไขปัญหาต่างๆให้ชาวบ้าน หากไม่รับหลักการไปเลยอาจส่งผลเสียทางการเมือง และเริ่มวางตัวบุคคลเข้าไปนั่งโควตา กมธ.วิสามัญงบประมาณรายจ่ายปี 2566 แล้ว ดังนั้น กลุ่มพรรคเศรษฐกิจไทย กลุ่มพรรคเล็กที่เสียงแตก กลุ่มสวิงโหวตในพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวแปรสำคัญไม่ร่วมคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 66 มีโอกาสผ่านวาระรับหลักการสูง เบื้องต้นมีการจัดสรรโควตา กมธ.งบฯแต่ละพรรครวม 64 คนไว้แล้ว เป็นสัดส่วน ครม. 16 คน พรรคเพื่อไทย 13 คน พรรค พปชร. 10 คน พรรคภูมิใจไทย 6 คน พรรคก้าวไกล 5 คน พรรคประชาธิปัตย์ 5 คน พรรคเศรษฐกิจไทย 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคเสรีรวมไทย 1 คน พรรคประชาชาติ 1 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน พรรคเพื่อชาติ 1 คน พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน พรรคพลังท้องถิ่นไท 1 คน
แคมเปญไล่ “พี่ศรี” รายชื่อทะลุแสน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีมีประชาชนจัดแคมเปญผ่าน Change.org เชิญชวนพากันโหวตถอดถอนนายศรีสุวรรณ จรรยา พ้นเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ปรากฏว่าจนถึงเวลา 08.20 น. วันที่ 1 มิ.ย. ล่าสุดมีคนเข้ามาลงชื่อสนับสนุนแล้วรวม 126,615 คน และหากมีคนลงชื่อถึง 150,000 รายชื่อ จะทำให้แคมเปญนี้เป็นหนึ่งในแคมเปญที่มีคนลงชื่อมากที่สุดใน Change.org
“ชัชชาติ” รายงานตัวพร้อมทำงาน
วันเดียวกัน ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้ง วัฒนะ สำนักงาน กกต. ประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) จัดการมอบประกาศ กกต.เรื่องผลการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีสื่อมวลชนมารอทำข่าวตั้งแต่ช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้ตั้งโต๊ะลงทะเบียนเอาไว้รอรับ กระทั่งเวลา 10.45 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. มาถึงเป็นคนแรก ตามด้วยบรรดา ส.ก.ทยอยกันมาเข้ารับมอบใบประกาศจากนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ตามลำดับ นายชัชชาติกล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ถือฤกษ์ ไม่ตื่นเต้นอะไร พร้อมทำงานแล้ว แม่ของตนได้โทร.หาตั้งแต่ตี 4 อวยพรให้ตั้งใจทำงานให้ดี เพื่อประชาชนและคนกรุงเทพฯทุกคน
ให้เรียกอาจารย์ไม่ต้องเรียกผู้ว่าฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามแซวว่าจะเรียก “อาจารย์ชัชชาติ” ไม่ได้แล้ว นายชัชชาติยิ้มอารมณ์ดีตอบว่า“ให้เรียกผมแบบเดิม ไม่ต้องเรียกผู้ว่าฯ” เมื่อถามถึงกรณีนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯกทม.ออกมาระบุว่า งบฯปี 65 ของ กทม. เหลือให้ใช้แค่เพียง 94 ล้านบาทว่า ในเรื่องงบฯจะให้รองผู้ว่าฯไปดู แต่มีงบฯเหลือจ่ายอยู่ แต่ว่าโครงการเราไม่ได้ใช้เงินเยอะ แต่ละโครงการไม่ได้เน้นใช้งบฯ แต่เน้นให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
เล็งเพิ่มนโยบายเป็น 300 ข้อ
ต่อมาเวลา 12.40 น. นายชัชชาติ เดินทางมาถึงศาลาว่าการ กทม.เสาชิงช้า เข้าพักที่ห้องอมรพิมาน จากนั้นเวลา 13.19 น. ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมทีมงานไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการ กทม. ทั้ง 4 จุด เริ่มตั้งแต่พระพุทธนวราชบพิตร ศาลพระภูมิ “หลวงปู่มงคลประสาท” ศาลจีน “เจ้าพ่อเพ่งนั้มกิมไช” และสักการะพระพุทธชินราช รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 9 ท่ามกลางเสียงโห่ร้องเชียร์ให้กำลังใจจากข้าราชการดังกระหึ่ม ตลอดทางเดินไปผู้ว่าฯ กทม.ทักทายและร่วมถ่ายภาพกับข้าราชการอย่างคึกคักและเป็นกันเอง แล้วไปที่ห้องรัตนโกสินทร์ทำพิธีส่งมอบงานในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.จากนายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัด กทม. มีคณะผู้บริหาร กทม.หัวหน้าส่วนราชการ ร่วมพิธี
นายชัชชาติกล่าวว่า มาทำงานเป็นตัวแทนคนกรุงเทพฯอย่าเรียกว่า “นาย” เรียก “อาจารย์” ดีกว่า อยากให้ทุกคนมาร่วมเดินทางไปด้วยกัน มีอะไรให้คุยกันอย่าเก็บไว้ อยากให้สื่อสาร 2 ทิศทาง เห็นอย่างไรกับนโยบาย 214 ข้อ เพราะข้าราชการรู้ดีกว่าตน มีคนเก่งมาก อาจจะเพิ่มเป็น 300 ข้อ นอกจากนี้จะเน้นทำงานแบบโปร่งใส สุจริต ตอนนี้มีคนแอบอ้างชื่อ ถ้าทราบให้แจ้งทีมงานได้ทันที การลงพื้นที่ไม่จำเป็นต้องมาเยอะ มาเท่าที่จำเป็นจะไม่บอกล่วงหน้าเพื่อหาข้อเท็จจริง พวกป้ายต่างๆ ห้ามมีชื่อ หรือภาพตน เพราะมารับใช้ประชาชน
เปิดตัวทีมผู้บริหารแบ่งงานชัด
นายชัชชาติกล่าวอีกว่า สำหรับรายชื่อคณะผู้บริหารระดับรองผู้ว่าฯ กทม. 4 คน ได้แก่ 1.นายวิศณุ ทรัพย์สมพล อดีตรองอธิการบดีจุฬาฯ รับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน ระบายน้ำ การจราจร 2.นายจักกพันธุ์ ผิวงาม อดีตรองปลัด กทม. และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ยุค พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รับผิดชอบการเงิน 3.น.ส.ทวิดา กมลเวชช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มธ. รับผิดชอบด้านภัยพิบัติ สาธารณสุข 4.นายศานนท์ หวังสร้างบุญ สมาชิกกลุ่ม TRAWELL และผู้ร่วมก่อตั้ง Once Again Hostel รับผิดชอบด้านพัฒนาสังคม การศึกษา
วางงาน 9 กุนซือตามความถนัด
นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนคณะที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. 9 คน ได้แก่ 1.นายต่อศักดิ์ โชติมงคล อดีตผอ.โรงงานยาสูบ เป็นประธานที่ปรึกษา 2.นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ เป็นประธานยุทธศาสตร์ 3.พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม 4.พล.อ.ท.นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข 5.พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี อดีตนาย ตร.ด้านการท่องเที่ยว 6.นางวิลาวัลย์ ธรรมชาติ อดีต ส.ก.เขตจตุจักร และอดีตเลขานุการ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ดูแลประสานงานฝ่ายการเมือง 7.นายอรรถเศรษฐ์ เพชรมีศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านระบายน้ำ 8.นายภาณุมาศ สุขอัมพร ตัวแทนผู้พิการ 9.นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ดูเรื่องสตาร์ตอัพ
เร่ง 4 เรื่องด่วนสางสัมปทานสีเขียว
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า เลขานุการและผู้ช่วยเลขานุการ 5 คน ได้แก่ 1.นายภิมุข สิมะโรจน์ เลขานุการ 2.นายเอกวรัญญ อัมระปาล ผู้ช่วยเลขานุการและโฆษกกรุงเทพมหานคร 3.น.ส.ศนิ จิวจินตา ผู้ช่วยเลขานุการ 4.นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการ 5.นายจิรัฏฐ์ ม้าไว ผู้ช่วยเลขานุการประธานที่ปรึกษา ทั้งนี้ เรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำทันที 4 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาน้ำท่วม ความปลอดภัยทางถนน ปัญหาหาบเร่แผงลอย ยังคงนโยบายเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ต้องหาจุดสมดุลร่วมกัน และรถไฟฟ้าสายสีเขียว สัปดาห์หน้าได้เชิญสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.มาหารือรายละเอียด แนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ที่รับโอนโครงการ 5-6 หมื่นล้านบาท รับมาถูกต้องหรือไม่ สภา กทม.มีมติรับหนี้แล้วหรือยัง การจ้างเดินรถเรื่องยังอยู่ที่ ป.ป.ช. การต่อสัมปทานรถไฟฟ้าถึงปี 2062 การคิดค่าโดยสาร 65 บาทโดยไม่มีการแข่งขันถูกต้องหรือไม่ หนี้ค่าจ้างเดินรถ 40,000 ล้านบาทจะแก้อย่างไร
คิกออฟปลูกต้นไม้กำแพงกรองฝุ่น
ต่อมานายชัชชาติได้เดินทางไปยังศาลาว่าการกทม. (ดินแดง) ร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศาลาว่าการ กทม. (ดินแดง) ทั้งศาลพระภูมิและศาลตายาย หน้าอาคารสำนักการโยธา และสักการะพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ณ บริเวณลานหน้าอาคารไอราวัตพัฒนา กระทั่งเวลา 15.30 น. นายชัชชาติ ไปลงพื้นที่สวนเบญจกิติ เขตคลองเตย ร่วมปลูกต้นไม้ 100 ต้น คิกออฟนโยบายปลูกต้นไม้ล้านต้น สร้างพื้นที่สีเขียวและกำแพงกรองฝุ่นทั่วกรุงและเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก 2565 โดยมีนายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และโรงแรมในเครือ สนับสนุนต้นไม้ 100 ต้น ประกอบด้วยไม้มงคล อาทิ ดอนญ่า พันธุ์ควีนสิริกิติ์ แก้วเจ้าจอม ราชพฤกษ์ สาละลังกา โมกราชินี โมกหลวง พืชอาหารนก อาทิ ต้นโพธิ์ ต้นหว้าลูกน้อย ต้นอินจันทร์ และพืชพื้นถิ่นสำคัญ อาทิ กุ่มน้ำ กุ่มบก เกาลัดบ้าน ตะลิงปลิง ปีบ มะรุม อบเชย อินทนิล เป็นต้น และยังได้มอบต้นไม้ส่วนหนึ่งให้สำนักงานเขตคลองเตยปลูกในพื้นที่ด้วย โอกาสนี้ผู้ว่าฯ กทม.ได้ปลูกต้นโพธิ์ ต้นไม้แห่งปัญญา ตามคติความเชื่อบ้านใดปลูกต้นโพธิ์ไว้ประจำบ้านจะทำให้สงบร่มเย็น เป็นต้นไม้แห่งความสุข ความสำเร็จ อายุยืน และความโชคดี
ศาล รธน. สั่ง “สำลี” พ้นสภาพ ส.ส.
วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาเรื่องที่ประธานสภาฯส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) หรือไม่ จากกรณีนายสำลี เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลจังหวัดมหาสารคาม กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตาม ป.อาญา โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.ของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลง และมีมติ 6 ต่อ 3 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงนับแต่วันเลือกตั้งคือวันที่ 24 มี.ค.62 ทั้งนี้ ให้ประธานสภาฯประกาศให้ผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรค ภท.เป็น ส.ส.แทนตำแหน่งที่ว่าง ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 7 วันนับแต่วันที่ 1 มิ.ย.
ชี้ ครม.ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ขัด รธน.
ศาลรัฐธรรมนูญยังวินิจฉัย เรื่อง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มาตรา 9 (2) และมาตรา 11 (6) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่ ตามที่ศาลแขวงดุสิต ส่งคำโต้แย้งของนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ให้วินิจฉัย มีมติ 8 ต่อ 1 โดยความเห็นชอบของ ครม.มีอำนาจประกาศให้สถานการณ์ฉุกเฉินเป็นสถานการณ์ที่มีความร้ายแรง และให้นายกฯมีอำนาจประกาศห้ามมิให้กระทำการใดๆ หรือสั่งให้กระทำการใดๆเท่าที่จำเป็นแก่การรักษาความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยของประเทศ หรือความปลอดภัยของประชาชน ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26
ต้อนรับนายกฯลาวมาเยือนไทย
เมื่อเวลา 17.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ต้อนรับนายพันคำ วิพาวัน นายกฯแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกรัฐบาล ระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.โดยพล.อ.ประยุทธ์ นำตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้นหารือแบบเต็มคณะ และร่วมกันเป็นสักขีพยานพิธีลงนามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ไทย-สปป.ลาว เพื่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2565-2569 การแลกเปลี่ยนบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยกับลาวว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าใน สปป.ลาว ค.ศ.2022 และการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการจัดสร้างสวนรุกขชาติไทย-ลาว ก่อนแถลงข่าวผลการเยือนร่วมกัน และร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าภาพ ที่ตึกสันติไมตรี