พรรคก้าวไกล โดย พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรค จัดกิจกรรมที่น่าสนใจ ร่วมออกแบบงบประมาณฉบับก้าวไกล ที่เราอยากเห็น มีคนสนใจเข้าร่วมกิจกรรมพอสมควร เป็นบทบาทใหม่ของการเมืองภาคประชาชน ซึ่งในประเทศที่เจริญแล้วยึดปฏิบัติ การจัดสรรงบประมาณไม่ใช่อยู่ในกำมือของ ฝ่ายบริหาร อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อาทิ บางโครงการ ชาวบ้านไม่เห็นด้วย สภาก็ไม่ผ่านให้ กระทบต่อความมั่นคงสภาก็ไม่ผ่านให้ ไม่ต้องมีการแจกกล้วยจัดสรรงบประมาณ ลงพื้นที่กินหัวคิวกันล่วงหน้าเหมือนบ้านเรา

ผลลัพธ์ที่ตามมาคือ ชาวบ้านได้ดูดแค่ไม้ไอติม เพราะเนื้อไอติมหมดตั้งแต่มีการอนุมัติงบประมาณแล้ว ประโยคนี้จำมาจาก ประธานสภา ชวน หลีกภัย สมัยเป็นรัฐบาล ท่องกันจนติดปาก เมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ปีนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าเก่าด้วยซ้ำไป ไม้ไอติมยังไม่มีให้ดูด

สดๆร้อนๆเหตุเกิดที่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พันธมิตรการเมืองฝ่ายซ้าย ล่ารายชื่อประชาชน 1 แสนคน เรียกร้องให้รัฐบาลทำประชามติ ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ เอฟ 35 เนื่องจากไม่เห็นถึงความจำเป็นที่จะสะสมอาวุธในช่วงนี้บวกกับราคาที่สูงมากกว่า 210,000 ล้านบาท ปรากฏว่า ไม่กี่วันคนแห่ลงชื่อกันจนเกินความต้องการ

มีข่าวมาจาก กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ แถลงว่า อากาศยานไร้คนขับ รุ่น Hermess 900 ที่ผลิตใน อิสราเอล ประสบอุบัติเหตุขณะทำการบินทดสอบในระยะ 1.5 ไมล์จากสนามบิน ราคาไม่น้อย ฝูงละ 9 ลำ รวมมูลค่า 5,950 ล้านบาท ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า เครื่องบินไร้คนขับชนิดนี้เคยเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทดสอบก่อนส่งมอบที่สวิตเซอร์แลนด์มาแล้วด้วย

เห็นผ่านๆว่างบประมาณ ของกลาโหม ปี 2566 ก็จะขอซื้อ เครื่องบินไร้คนขับ ด้วย ฝ่ายค้านไปขุดต่ออีกว่า เป็นเครื่องบินเปล่าๆ ไม่ได้บรรจุอาวุธ ก็เลยเป็นห่วงจะซ้ำรอย เรือเหาะตรวจการภาคใต้ มูลค่า 350 ล้านบาท สกายดรากอน ที่จัดซื้อมาจาก สหรัฐฯ สมัย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. จอดแช่แป้งเอาไว้เกิน 10 ปีแล้ว ยังจับมือใครดมไม่ได้

...

ย้อนมาที่ข้อสังเกตของ พรรคก้าวไกล งบปี 2566 จำนวน 3.185 ล้านล้านบาท จะเพียงพอกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ ถ้าไม่พอ ชาวบ้านก็อดอยากปากแห้งกันต่อไป ไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของภารกิจ ไม่ตอบโจทย์เรื่องเศรษฐกิจและสาธารณสุขของประเทศ งบประมาณส่วนใหญ่จะไปลงที่บุคลากรและรายจ่ายประจำกว่า ร้อยละ 40 อาทิ งบบุคลากรกลาโหม เพิ่มขึ้นถึง 2,400 ล้านบาทในขณะที่ แผนยุทธศาสตร์รับมือกับวิกฤติใหม่ๆจากภาวะแปรปรวนของโลก มีอยู่เพียง 1.5 พันล้านบาท

รัฐบาลออกมาชี้แจงว่า งบประมาณปี 2566 ที่เพิ่มขึ้น 8.5 หมื่นล้านบาท เป็นรายจ่ายประจำ ร้อยละ 78.2 และการลงทุน ร้อยละ 21.8 ส่วนใหญ่รัฐพุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาความยากจน 265 โครงการ งบประมาณรวม 2.7 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้ 1.73 แสนล้านบาท นำไปใช้กับบัตรคนจน คนพิการ เด็กเล็ก ผู้ป่วยเอดส์ ลดต้นทุนการผลิตเกษตรกร งบการศึกษาอีก 1.81 หมื่นล้านบาท ด้านสุขภาพ 7.014 หมื่นล้านบาท ฟังดูเหมือนจะดี แต่ยังมองไม่เห็นผลลัพธ์สุดท้าย

โดยเฉพาะเรื่องความโปร่งใสในการบริหารจัดการงบประมาณเพื่อประชาชน.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th