“สุเทพ เทือกสุบรรณ” ฝากถึงรัฐบาล “บิ๊กตู่” ประคองอยู่ให้ครบเทอม ที่อดทนถูกด่ามาทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น ขอยืนหยัดเป็นกำลังให้บ้านเมืองและประชาชนต่อไป ไม่พูดถึง “สกลธี” พ่ายเลือกตั้ง หลังเคยออกตัวหนุน


วันที่ 26 พ.ค. 2565 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) อดีตเลขาธิการ กปปส. มีความเคลื่อนไหวทางแฟนเพจเฟซบุ๊กผ่านคลิป คุยกับลุง EP.30 ประเทศไทยพร้อมเดินหน้าต่อ ว่า บ้านเมืองเราต้องดีขึ้น ประชาชนต้องมีความสุขมากขึ้น มีเหตุผลและปัจจัยหลายประการที่ทำให้เชื่อเช่นนี้

ปัจจัยสำคัญคือ เรื่องโควิด-19 ตอนนั้นวิตกกังวลกันมากว่าจะมีโรคระบาดรุนแรง ควบคุมไม่ได้ สู้ไม่ได้ จะไม่มีวัคซีนเพียงพอ จะไม่มียารักษา โรงพยาบาลจะไม่พอรับคนป่วย ทุกคนวิตกกังวล 3 ปีกว่าๆ ที่ต้องต่อสู้มาด้วยความทุกข์ยากลำบาก สูญเสียทั้งอารมณ์ความรู้สึก สูญเสียคนที่รัก กิจการหลายแห่งต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะโรงแรม ร้านอาหาร งานบริการ คนตกงาน รายได้ลด แต่มาถึงวันนี้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด บริหารจัดการกันจนมีวัคซีนเพียงพอ ยาก็มีพอรักษาดูแลประชาชน มีทั้งยาไทยและยานอก ที่ยกให้เป็นพระเอกคือฟ้าทะลายโจร ที่ช่วยคนไทยเอาไว้มาก เรื่องนี้ถือว่าเป็นเครดิตของทุกฝ่าย โดยเฉพาะรัฐบาล ภาคเอกชน และประชาชน หลายคนผลิตหน้ากากแจกให้สถานพยาบาลและประชาชน รัฐบาลทำโรงพยาบาลสนาม มีการรักษาแบบ Hospitel กลายเป็นที่รองรับสำหรับผู้ป่วยอย่างดีที่สุด

“ทุกอย่างคลี่คลาย ทุกอย่างดีขึ้น นี่ก็มีข่าวดีว่าเดือนหน้าเราไม่ต้องสวมหน้ากากกันแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงคนไทยจะรู้สึกสบายใจกันมากขึ้น เพราะในช่วง 3 ปีที่ผ่าน เข้าตำราว่าเราสวมหน้ากากเข้าหากัน ต้องยกให้เป็นเครดิตของพี่น้องประชาชน ในเวลาที่มีวิกฤติเรื่องโควิด ประชาชนทุกกลุ่มทุกอาชีพดูแลตัวเอง ร่วมมืออย่างดีใส่หน้ากาก ใช้เจลล้างมือ ระมัดระวังในการออกสังคม ไม่ไปในที่ที่มีคนเยอะๆ ไม่ไปสังสรรค์เฮฮา กินข้าวบ้าน อยู่บ้าน ทำให้การระบาดของโรคจำกัดลง ถือว่าเป็นเครดิตของประชาชน

...

หลายประเทศทำไม่ได้ ประชาชนไม่เอาด้วย ประเทศเราจึงได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศชั้นนำของโลก ที่สามารถต่อสู้กับโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลก็ดี องค์กรภาคเอกชนทั้งหลาย ประชาชนทั่วไป เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันร่วมมือกันอย่างแข็งขันต้องปรบมือให้กับทุกคน โดยเฉพาะรัฐบาล ควรจะได้เครดิตมาก เพราะตอนต้นๆ ถูกตำหนิมากเรื่องการบริหารจัดการเรื่องโควิด เรื่องสถานพยาบาลต่างๆ แต่ก็ผ่านมาได้”

ขณะที่นับจากนี้ สิ่งที่จะทำให้ประเทศเราฟื้นตัว เช่น เรื่องการท่องเที่ยว วันนี้นักท่องเที่ยวมาประเทศไทยไม่ต้องกักตัวเหมือนประเทศอื่น แต่หลายประเทศยังต้องทำอยู่ พอมีการท่องเที่ยวทุกอย่างก็จะต้องดีขึ้น โรงแรม สถานบริการก็จะได้เปิด หลายอาชีพจะมีรายได้ ที่สำคัญเมื่อคนมาเที่ยวมากขึ้น กรุงเทพฯ จะเป็นจุดแรกในประเทศไทย และมีเสน่ห์ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น กรุงเทพฯ ก็ต้องดีก่อน ประเทศไทยโดยส่วนรวม กิจการทั้งหลายดีขึ้น คนมีงานทำมากขึ้น ก็จะมีความสุขมากขึ้น ไม่ใช่เป็นการมองโลกในแง่ดีแต่เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นจริง ภายใน 4-5 เดือนข้างหน้า สภาพเศรษฐกิจของประเทศต้องดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ยังมีความหวังกับเรื่องภาคการเกษตร ที่เมื่อคนได้รับผลกระทบจากโควิดกลับไปอยู่ในชนบทไปใช้ชีวิตแบบเกษตรกรที่มีความรู้ ปรับปรุงไร่นา ปรับปรุงวิธีการผลิต แต่ละครอบครัว มีรายได้ดีขึ้น หลายคนไม่กลับไปทำงานเดิม เพราะเมื่อกลับไปอยู่กับพ่อแม่เริ่มรู้สึกว่าชีวิตมีความสุข พอใจกับความพอเพียง เข้าใจเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 พระราชทานเป็นแนวทางไว้ให้ เพราะฉะนั้นคนเหล่านี้ก็จะเป็นเกษตรกรที่มีคุณภาพของประเทศไนวันข้างหน้า นอกจากนี้ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศระดมครู อาจารย์ นักศึกษา ในมหาวิทยาลัย เอาองค์ความรู้ งานวิจัย ผลงาน จากความคิดประดิษฐ์ นวัตกรรมต่างๆ ออกไปช่วยเกษตรกร ทำให้มีความหวังถึงเรื่องที่มีคนเคยพูดว่า ประเทศไทยจะเป็นครัวโลก คราวนี้มีโอกาสที่จะเป็นจริง เราจะผลิตอาหารเลี้ยงคนไทย เลี้ยงคนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว ส่งออกในรูปแบบอาหารปลอดภัย นี่เป็นความหวังของประเทศ และเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ มองว่าประเทศเราดีขึ้น และต้องดีขึ้นแน่ๆ และประชาชนมีความสุขมากขึ้น

“ผมคิดว่าเรามีเวลาที่จะยังอึดอัดทนทุกข์อีกไม่กี่เดือน พอเรื่องโควิดคลี่คลายลง การท่องเที่ยว การค้าขายดีขึ้นเราก็ไปได้ เพราะเราเป็นประเทศที่มีรากฐานดี ตอนนี้กลั้นใจเอาไว้หน่อย หายใจลึกๆ สู้กับมัน โดยเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหายใจลึกๆ เข้าไว้ ท่านนายกฯ อีกไม่กี่เดือน ผลงานที่อุตส่าห์อดทนมา ถูกด่า ถูกดิสเครดิต เป็นรายวัน ด้อยค่าทุกวัน ทุกอย่างจะดีขึ้น คนก็จะได้เห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ทำมามันบังเกิดผลขึ้นมาแล้ว ประคับประคองอยู่ให้ครบเทอม ไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง ทำมาดีๆ แล้วอย่าให้เกิดการสะดุด อย่าให้อะไรมากีดกั้น การเมืองในอนาคตหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรค่อยว่ากันอีกที แต่วันนี้เราต้องกอดคอกันพาประเทศให้รอดกันไปก่อน ผมพูดทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะให้กำลังใจกับทุกฝ่ายทุกคนว่าบ้านเมืองเราต้องดีขึ้น ชีวิตพวกเราต้องมีความสุขขึ้น ชีวิตคนกรุงเทพฯ ก็จะดีขึ้น เป็นกำลังใจให้กันและกัน ผมเป็นคนหนึ่งที่ยืนหยัด เป็นกำลังสำหรับบ้านเมือง พี่น้องประชาชนต่อไป”

อย่างไรก็ตาม ในคลิปดังกล่าว นายสุเทพ ไม่ได้มีการพูดถึงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) หลังออกจากสนับสนุน นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แต่พ่ายแพ้ในสนามครั้งนี้ ซึ่งนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้คะแนนสูงสุดเป็นอันดับที่ 1 มากกว่า 1.3 ล้านเสียง ได้เป็นว่าที่ผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 17 และอยู่ระหว่างการประกาศรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนเข้าดำรงตำแหน่ง