ศาลอุทธรณ์ภาค 7 อ่านคำพิพากษา ยกคำร้อง “ปลัดแต - อุดม ไกรวัตนุสสรณ์” นายก อบจ.สมุทรสาคร หลัง กกต. ให้ใบเหลือง ด้านอดีตผู้สมัคร ส.อบจ. “สุรวัช เรืองศรี” พ้นผิดด้วย
วันที่ 25 พ.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 7 นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 เพื่อสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาครใหม่ แทน นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ หรือ ปลัดแต และสั่งเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของ นายสุรวัช เรืองศรี อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.สมุทรสาคร เขตกระทุ่มแบน อดีตเลขานายก อบจ.สมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 108 วรรคสอง รวมทั้งให้ดำเนินคดีอาญากับ นายสุรวัช ตามมาตรา 65 (1) ประกอบมาตรา 126 นั้น
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 อ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าวภายหลังจากที่มีการสืบพยานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำพิพากษาให้ยกคำร้อง นายอุดม และนายสุรวัชร ส่งผลให้บุคคลทั้ง 2 สามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่และใช้สิทธิ์ทางด้านกฎหมายการเลือกตั้งได้ตามปกติ
ทางด้าน นายอุดม กล่าวภายหลังรับฟังคำพิพากษา ว่า ขอขอบคุณศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่คืนความยุติธรรมให้ตนเอง เพื่อที่จะได้กลับมาทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากประชาชนต่อไป หลังจากนี้จะเข้าไปทำงานตามปกติทันที ส่วนงานที่จะต้องเร่งเดินหน้าต่อต้องขอไปตรวจสอบดูว่ามีงานอะไรที่ยังคงคั่งค้างอยู่บ้าง หรือในช่วงที่หยุดปฏิบัติหน้าที่มีเรื่องใหม่อะไรเข้ามาบ้าง แต่บางเรื่องอาจจะต้องมีการหารือร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนา หรือแก้ไขปัญหาพื้นที่รอยต่อระหว่างสมุทรสาคร กับกรุงเทพฯ เช่น ปัญหาน้ำเสียคลองภาษีเจริญ หรือสิ่งแวดล้อม รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นต้น เพื่อให้การทำงานชายขอบ หรือรอยต่อระหว่าง 2 จังหวัด สำเร็จได้ด้วยดี
...
พร้อมกันนี้ ขอบคุณทุกกำลังใจจากชาวสมุทรสาคร และผู้ที่คอยห่วงใยเสมอมาตั้งแต่ กกต. ยื่นคำร้อง จนมาถึงวันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 อ่านคำพิพากษา โดยเมื่อศาลยกคำร้องแล้ว ก็จะกลับเข้ามาเดินหน้าทำงานรับใช้พี่น้องชาวสมุทรสาครเหมือนเดิม ให้สมกับที่มอบความไว้วางใจเลือกเข้ามาทำงาน ส่วนเรื่องของคดีความจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปหรือไม่ต้องให้ทีมกฎหมายปรึกษากันอีกครั้ง แต่ส่วนตัวไม่ต้องการที่จะมุ่งไปตรงจุดนั้น ต้องการโฟกัสเรื่องงานที่ต้องกลับมาทำในหน้าที่ของนายก อบจ.สมุทรสาคร ให้เต็มที่เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมถึงประเด็นหรือเหตุที่ กกต. ให้ใบเหลือง นายอุดม จนนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ภาค 7 กระทั่งวันนี้ยกคำร้อง ว่า ช่วงเดือน ต.ค. - พ.ย. 2563 ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรายหนึ่งติดต่อให้ นายสุรวัช (ผู้ถูกร้องที่ 2 อดีตผู้สมัคร ส.อบจ.เขต 5 กระทุ่มแบน ในนามผู้สมัครอิสระไม่สังกัดทีมใด) ช่วยฝากหลานเข้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดของเทศบาลเมืองกระทุ่มแบน ซึ่ง นายสุรวัช แนะนำให้พูดคุยกับบิดา ต่อมาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวนำหลานเข้าเรียนได้ตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จึงส่งข้อความมาขอบคุณทางแอปพลิเคชันไลน์ โดยปรากฏภาพการสนทนาที่ นายสุรวัช นำไปโพสต์ในบัญชีเฟซบุ๊กชื่อ “สุรวัช เรืองศรี” เมื่อช่วงปลายเดือน พ.ย. 2563 ว่า “ได้ช่วยฝากหลานของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว และขอให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งคนดังกล่าวลงคะแนนให้แก่นายอุดม”
ทำให้ กกต. พิจารณาเห็นว่ามีลักษณะเป็นการแสวงหาคะแนนนิยมจากประชาชน หรือสมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊กที่พบเห็นให้ลงคะแนนให้แก่นายอุดม จึงเข้าลักษณะเป็นการจัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่นายอุดม ซึ่งเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 65(1) โดยนายอุดม ย่อมได้รับประโยชน์ในการเลือกตั้งจากการกระทำของนายสุรวัช เป็นเหตุให้ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.สมุทรสาคร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับนายอุดม เกิดจากการเลือกตั้งที่ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 108 วรรคสอง.