“ชัชชาติ” ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. คนที่ 17 ลุยลงพื้นที่ก่อน กกต.ประกาศรับรอง ดูปัญหารถติดเรื้อรัง อุโมงค์รัชดา-ราชพฤกษ์ สร้างล่าช้า เผย ยังมีโครงการก่อสร้างอีก 14 โครงการที่มีปัญหา
วันที่ 24 พ.ค. 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) คนที่ 17 ลงพื้นที่เขตธนบุรี สำรวจปัญหาการจราจรติดขัด และโครงการก่อสร้างอุโมงค์รัชดา-ราชพฤกษ์ ร่วมกับ นายจิรเสกข์ วัฒนมงคล ว่าที่สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตธนบุรี พรรคเพื่อไทย และ นายวิรัช คงคาเขตร ว่าที่ ส.ก.เขตบางกอกใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ โดยเป็นโครงการของ กทม. มีความล่าช้ากว่า 600 วัน โดยที่ผ่านมามีการขยายสัญญาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีความคืบหน้า ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัดเรื้อรัง เนื่องจากการก่อสร้างกินพื้นผิวจราจร
จากนั้น นายชัชชาติ เปิดเผยว่า ยังมีโครงการก่อสร้างอีก 14 โครงการของ กทม. ที่มีปัญหาความล่าช้า และส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด รวมถึงโครงการของหน่วยงานอื่นที่เข้ามาดำเนินการใน กทม. เช่น โครงการของการทางพิเศษในการทำถนนพระรามสอง และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา โครงการทำรถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีชมพู และสายสีเหลือง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และโครงการของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่เข้าทำสายไฟฟ้าลงดิน แต่มีปัญหาเรื่องการปิดคลุมถนนไม่เรียบร้อย เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ
...
สำหรับการแก้ปัญหา เบื้องต้น กทม. ต้องเข้าไปเร่งรัดในการคืนพื้นผิวถนนเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรที่ติดขัด ส่วนการเร่งรัดโครงการต่างๆ ก็ต้องทำอย่างเร็วที่สุด แต่ต้องตรวจสอบข้อมูลให้ดีก่อนว่ามีผลประโยชน์แอบแฝงกับผู้ใด หรือกลุ่มใดหรือไม่ พร้อมกันนี้ย้ำว่า ความล่าช้าไม่ควรจะเกิดขึ้น เนื่องจากการทำสัญญาต้องมีการคิดคำนวณระยะเวลามาอย่างดีแล้ว และยิ่งเป็นการล่าช้าในระดับเท่าตัว ชี้ให้เห็นว่าต้องมีบางสิ่งที่ผิดปกติ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับประชาชน
“สิ่งแรกที่ต้องทำ คือเอา 14 โครงการมาดูว่าเกิดเหตุอะไร มันสุดวิสัยหรือไม่ มันมีประเด็นอะไร เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เสียผลประโยชน์คือประชาชน รวมถึงการคืนพื้นที่ของรถไฟฟ้า ต้องเอาจริงเอาจัง ถึงแม้จะไม่ได้แก้รถติดได้ 100% แต่เป็นการแก้ส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทำให้คนเดินทางลำบากขึ้น”
นอกจากนี้ ขณะลงพื้นที่มีประชาชนหลายคนร่วมแจ้งและชี้จุดที่ไม่ปลอดภัยบนทางเท้าด้วย โดย นายชัชชาติ รับปัญหาเพื่อไปดำเนินการแก้ไขให้มีความปลอดภัยต่อไป.