นายกฯ หอบผลงาน 8 ปี โชว์คนไทยในสหรัฐฯ ยึดหลักการไม่ขัดแย้งใคร ทำงานด้วยความอดทน ไม่เคยต้องการอะไรเพื่อตัวเองยึดประเทศ โอดแม้โดนด่าทุกวัน ลั่นตราบใดไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่กลัว ไล่ได้ไล่ไป
วันที่ 13 พฤษภาคม 2565 สำหรับภารกิจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐอเมริกา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 2 ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 พฤษภาคม (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงวอชิงตัน) หรือเวลา 21.00 น.(ตามเวลาประเทศไทย) ที่ห้อง George Washington ชั้น Lower Lobby (LL) โรงแรมเซนต์รีจิส วอชิงตัน ดี.ซี. พล.อ.ประยุทธ์ พบปะชุมชนไทยในสหรัฐฯ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เราอยู่ท่ามกลางคนไทยด้วยกัน ยินดีที่ได้มาพบ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนเราต้องรักกัน อยากมาพบอยากมาคุยพวกเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องการให้เป็นกำลังใจให้กับนายกฯ เพราะต้องไปพูดคุยหลายการประชุม ที่จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยสามารถเดินไปข้างหน้าให้ได้ สิ่งที่ตนอยากฝากทุกคน ต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดินเกิด และทำอย่างไรให้ลูกหลานไม่ลืมบ้านเกิดของเรา ไม่ลืมต้นตระกูลของเรา วันนี้จะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปเยอะโลกปัจจุบัน จากเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด การทำงานก็ไม่ได้ง่ายนักหรอก เพราะฉะนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการที่จะเสพ ที่จะเชื่อ ตนเองเข้ามาทำงานอยู่หลายปี ผ่านวันเวลาเหล่านั้นมาอย่างอดทน อดทนเพื่อให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ก็สุดแล้วแต่ว่าประชาชนจะว่าอย่างไร ตนจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด โดยจะต้องไม่ทุจริต จะต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์ จะต้องไม่ทำอะไรที่ผิด นี่คือเป้าหมาย ตนทำเพื่อประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ไม่ได้ทำเพื่อตนเอง เพื่อตระกูลตน หรือเพื่อใครสักคนเลย ตนไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว ตนรับราชการมาจนเกษียณอายุราชการด้วยความภาคภูมิใจของตน และหลังจากนั้นก็กลายมาเป็นนักการเมืองโดยจำเป็น
...
นายกฯ กล่าวว่า การเดินทางมาประชุมครั้งนี้หลายคนก็จับตามองว่า นายกฯ จะมาพูดอะไร จะไปอยู่อะไรกับใคร จะอยู่ข้างไหน จะไปอยู่กับใครได้เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด ทำอย่างไรไม่ให้เสียหาย ขณะเดียวกันก็ต้องเคารพกติกาของเขาด้วย นั่นคือหลักการของเรา ไม่ขัดแย้งกับใครทั้งสิ้น ต้องว่าไปตามหลักการ นอกจากนี้ ในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ที่เราเดินทางร่วมประชุมในเรื่องนี้ รวมไปถึงมีความสัมพันธ์ร่วม 200 กว่าปี ถือเป็นความสัมพันธ์พิเศษ ซึ่งไทยไม่เคยทำกับใครในโลกใบนี้ มีแต่ไทยกับสหรัฐฯ ที่ถือว่าได้สิทธิประโยชน์เท่าเทียมคนไทยทุกคน นั่นคือความเป็นมาของเรา

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรจะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุดทั้งในและต่างประเทศ ถ้าในประเทศก็พอได้ แต่ถ้าเป็นต่างประเทศก็ต้องเจรจากันมากหน่อย บางทีในประเทศยังเจรจากันไม่รู้เรื่องเลย เพราะว่ามีปัญหากับคน ทำไมเขาถึงเรียกว่าคนรู้หรือไม่ ทำไมเขาถึงเรียกคำว่ามนุษย์คือคน คือคนใส่ไปในหม้อ คนมั่วไปหมด เละไปหมด "ความคิดแตกต่างตนห้ามใครไม่ได้ แต่เราต้องมีหลักการ ต้องมีภูมิต้านทานในการที่จะเสพ จะฟัง จะเชื่อ จะอ่าน ยอมรับว่า ตนนั่งอ่านทั้งหมด เช้าขึ้นมาเปิดขึ้นมาด่าผมครึ่งหนึ่ง ตนก็สบายใจของตน อยากด่าก็ด่า เพราะตนไม่ได้เป็นอย่างที่เขาว่า ที่ตนทำไม่เห็นชมตนเลย ตนไม่ได้ต้องการรับคำชมเชย แต่ต้องการให้เห็นว่าประเทศไทยเจริญขึ้นมาอย่างไรและในวันนี้ การแก้ปัญหาโควิด-19 วันนี้ประเทศไทยได้รับคำชื่นชมอันดับต้นๆ ของโลก" บางอย่างอันดับ 1 ของโลก แต่ในประเทศไทยด่าตนเรื่อย ด่าทุกวัน ด่าว่าห้ามนู่นห้ามนี่ ซึ่งหากไม่กำกับดูแลจะปลอดภัยแบบนี้หรือไม่ ซึ่งไม่มีอะไรที่ทำให้ทุกคนพอใจ แต่จะทำให้มากที่สุด ดีที่สุด ซึ่งหลายคนตั้งคำถามทำไมนายกฯ ต้องประกาศเอง นายกฯ ไม่ใช่หมอ แต่นายกฯ เป็นผู้บริหาร ถ้าให้หมอทำคนเดียวทำได้ไหมทั้งหมด เพราะเขาสั่งทหารไม่ได้ สั่งเจ้าหน้าที่มหาดไทยไม่ได้ พอตนบูรณาการตรงนี้ก็หาว่าตนเผด็จการไปอีก ทั้งที่ทุกประเทศทำแบบนี้หมด อยากจะบอกว่าเขาเลียนแบบเราด้วยซ้ำไป
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับการจัดงานประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพ.ย.อยากให้คนไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งตนห่วงเรื่องความรักความสามัคคี "จะเอาทุกคนในวันนี้ไปชมที่เมืองไทยด้วย ว่าต่างประเทศเขาน่ารักนั่งกันเรียบร้อย ยิ้มหวานนิ่ง ทั้งนี้ กรุงเทพฯพร้อมตีกันทั้งวัน คือฟังวิทยุอ่านข่าวก็โมโหแล้ว เพราะไม่ใช่เรื่องจริงทั้งนั้น นี่คือปัญหาที่ทุกประเทศเจอทั้งหมดถามกันทุกประเทศแล้ว เพราะนี่คือช่องทางสื่อสารใหม่ที่ใครก็เป็นนักข่าวได้เป็นตำรวจได้ เป็นอะไรก็ได้หมดเลย แสดงความคิดเห็นไม่ได้ทั้งหมด แล้วคนก็เชื่อตามไป คนทำงานแทบตายผิดหมด เราต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี ยอมรับว่าคนไม่ดีก็มี นายกฯ ก็ปลดทิ้งไล่ออกไปเยอะแล้ว มันก็ต้องมีทุกคนคนดีคนชั่ว ไม่ดีก็ไม่เอาไว้ ถ้าตราบใดถ้าผู้นำเราไม่ทุจริต ทำได้ทั้งหมด เพราะฉะนั้นนายกฯ ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ใครจะว่า ใครจะไล่ ไล่ได้ก็ไล่ไป แต่ที่อยู่วันนี้ต้องการทำให้ดีที่สุด"

จากนั้น ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงผลงานรัฐบาลที่ทำมาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันที่เข้ามาบริหาร ประกอบภาพกราฟิก พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยพัฒนาเจริญไปมากมาย หลายคนอาจไม่ค่อยได้กลับประเทศ ปัจจุบันมีการสร้างถนนหนทาง สร้างมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทางหลัก การพัฒนารถไฟทางคู่ สนามบิน การจัดระเบียบคูคลอง การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ดี จนได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แก้กฎหมายไปแล้ว 139 ฉบับ มีอีกกว่า 100 ฉบับที่ต้องแก้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นในสมัยของรัฐบาลนี้ทั้งสิ้น หลายโครงการที่พยายามสร้างรายได้ใหม่ให้ประเทศ สิ่งเหล่านี้พยายามทำให้เหมือนยุคโชติช่วงชัชวาล สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตนทำให้ทุกภาค ไม่ใช่ว่ารัฐบาลอย่างนี้แล้ว ตรงนี้ไม่ใช่พวกตน แล้วตนไม่ให้ แต่ตนให้ทุกจังหวัด ให้ทุกภาค ให้ทุกพรรค เพราะเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่เขา ตนเอาข้อมูลมาดูว่าขาดตรงไหน ตนไม่สนใจว่าเป็นของใคร ประชาชนได้ประโยชน์ ตนก็สั่งให้ทำโครงการขึ้นมา มันถึงเกิดขึ้น
