“สาธิต” เผย 7 ทิศทางและนโยบายด้านสุขภาพ สู่โรคประจำถิ่น ชี้ หัวใจสำคัญ ต้องก้าวข้ามอยู่กับโควิดอย่างเข้าใจ รู้เท่าทัน และเดินหน้าเศรษฐกิจให้ได้
วันที่ 6 พฤษภาคม 2565 นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 สมาคมโรงพยาบาลเอกชน และบรรยายพิเศษ “ทิศทางและนโยบายภาครัฐ หลังการประกาศโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น” ว่า ประเทศไทยสามารถควบคุมสถานการณ์โรคโควิด-19 ได้อย่างดี ส่วนหนึ่งมาจากความร่วมมือของโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะเรื่องการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้ขณะนี้ไทยอยู่ในช่วงระยะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง ทั้งผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยในโรงพยาบาล และผู้เสียชีวิต
ส่วนการเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่นนั้น แม้องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนและยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการกลายพันธุ์ แต่จากการติดตามยังเป็นการกลายพันธุ์ย่อยที่ไม่มีผลเรื่องความรุนแรงและการแพร่ที่รวดเร็ว ส่วนประเทศไทยมีการกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะเข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งหากดำเนินการได้ตามนั้นก็พร้อมที่จะเดินหน้าตามเป้าหมายคือช่วง กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป

...
สำหรับทิศทางและนโยบายด้านสุขภาพเพื่อเดินหน้าสู่โรคประจำถิ่น สอดคล้องกับข้อเสนอขององค์การอนามัยโลกที่มาจัดกิจกรรมทบทวนการเตรียมความพร้อมในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและสุขภาพถ้วนหน้า กรณีโควิด-19 ของประเทศไทย ซึ่งมี 7 เรื่อง ได้แก่
1.การเพิ่มการลงทุนเรื่องนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาเรามี ไทยชนะ, หมอชนะ รวมถึง หมอพร้อม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจาก เป๋าตัง มีข้อมูลมากกว่า 25 ล้านการลงทะเบียน นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำลังหารือทำแพลตฟอร์มแห่งชาติ ภายใต้กรอบวงเงินอนุมัติ 7,000 ล้านบาท เพื่อทำข้อมูลกลางที่มีความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
2. การเตรียมพร้อมรับมือการระบาดครั้งต่อไป และพัฒนาบุคลากรสหสาขา ทั้งโรคทั่วไป โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ภาวะลองโควิด (Long COVID) และภาวะมิสซี (MIS-C)
3. การดูแลกลุ่มเปราะบางให้เข้าถึงการรักษาตามสิทธิ
4. ยกระดับการพึ่งพาตนเองด้านยา วัคซีน ชุดตรวจ และเวชภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้ไทยมีวัคซีน 3 ตัวที่ก้าวหน้า คือ วัคซีนขององค์การเภสัชกรรม วัคซีนใบยา และวัคซีนของจุฬาฯ (ChulaCov19)
5. การจัดการขยะทางการแพทย์หรือขยะติดเชื้อ ซึ่งที่ผ่านมามีการปลดล็อกกฎหมายให้เตาเผาขยะนิคมอุตสาหกรรมใช้เผาขยะติดเชื้อได้ชั่วคราว
6. พัฒนากลยุทธ์การบูรณาการข้อมูล ซึ่ง ศบค.มีการรวบรวมข้อมูลหน่วยงานต่างๆ นำมาสู่การตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน
7. การค้นหา บันทึก และเผยแพร่ตัวอย่างที่ดี รวมทั้งบทเรียนสำคัญในการจัดการกับภาวะระบาดใหญ่

“เมื่อโควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ สร้างงาน และประเทศจะมีรายได้จากการเก็บภาษีมากขึ้น ส่วนจะผ่อนคลายมาตรการและการปฏิบัติตัว เช่น การถอดหน้ากากอนามัย ขึ้นอยู่กับพื้นที่และสถานการณ์ หัวใจสำคัญคือ ต้องก้าวข้าม อยู่กับโควิดอย่างเข้าใจ รู้เท่าทัน และเดินหน้าเศรษฐกิจให้ได้”