“พล.ต.อ.อัศวิน” ยันชัด เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. อิสระล้านเปอร์เซ็นต์ ไร้พรรคการเมืองหนุน เผย “บิ๊กป้อม” โกรธส่งผู้สมัคร ส.ก. แข่งพลังประชารัฐ พร้อมแจงปมเก็บบัตรประชาชนคนมาฟังปราศรัย
วันที่ 3 พ.ค. 2565 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 2565 (ผู้ว่าฯ กทม.) หมายเลข 6 และอดีตผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง อดีตโฆษกกรุงเทพมหานคร ร่วม #กินข้าวเย็นกับผู้ว่า ผ่านทางไทยรัฐพลัส และไทยรัฐออนไลน์ ผ่านการดำเนินรายการของ นายสราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ หรือ เอ๋ นิ้วกลม และ น.ส.อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา บรรณาธิการบริหารไทยรัฐออนไลน์ หลังทำหน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. มา 5 ปี 5 เดือน 5 วัน โดยขอยกมาบางช่วงบางตอน
เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่ กทม. ฟุตปาทเรียบไม่ได้สักที พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ก่อนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ ทางเท้าแทบเดินไม่ได้เลย เราแก้ไขไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังไม่หมด ส่วนใหญ่ติดที่เรื่องเวลา ทางด้าน ร.ต.อ.พงศกร กล่าวเสริมว่า การทำทางเท้าใหม่ง่ายมากก็แค่เปลี่ยนกระเบื้อง แต่สิ่งที่พยายามจะทำใหม่ คือ การเปลี่ยนระบบทางเท้า ทำด้านล่างใหม่ วางระบบสาธารณูปโภคใหม่ การดำเนินการจึงต้องใช้เวลามาก
ส่วนคำถามว่าคิดอย่างไรกับเรื่องที่ถูกพูดว่าเป็นผู้ว่าฯ ที่มาจากการแต่งตั้ง พล.ต.อ.อัศวิน บอกเล่าว่า หลังเกษียณก็มีโอกาสเข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ ขณะนั้นไม่ได้รู้จัก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ในขณะนั้น แต่มีผู้ใหญ่แนะนำให้โทรศัพท์มาพูดคุยเพื่อให้มาช่วยบริหาร เพราะมีปัญหาเรื่องเทศกิจ ดับเพลิง ความมั่นคง ตอนนั้นปฏิเสธไปเพราะบอกว่าเป็นตำรวจมาทั้งชีวิต ทำงานเช่นนี้ไม่ได้ แต่ก็ได้รับการร้องขอให้มาช่วย ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มาจากการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย ผู้ว่าฯ เป็นคนเลือกผู้บริหารเอง ยืนยันว่ามาครั้งแรกระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ถูกแต่งตั้ง แต่ที่ถูกแต่งตั้งคือวันที่ 18 ต.ค. 2559 ขณะนั้นมีเหตุการณ์การสูญเสีย เขาต้องเร่งหาคนที่มีทักษะเกี่ยวกับ กทม. ซึ่งตรงกับช่วงที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่อยู่ ก็มาพิจารณารองผู้ว่าฯ กทม. 4 คน ก่อนจะถูกคัดขึ้นมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.
...
ถ้าได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งที่ปกติต้องมาจากการเลือกตั้งอีกในอนาคตจะรับหรือไม่ ได้คำตอบจาก พล.ต.อ.อัศวิน ว่า ไม่อยากให้ใครพูดว่ามาจากแต่งตั้ง มาจากการลากตั้ง อยู่มาจนรากงอก จึงลงมาสู้แบบระบอบประชาธิปไตย ลงมาสมัครสู้กับเขา แพ้ชนะไม่เป็นไร นั่นคือปัจจัยรอง แต่ปัจจัยหลักคืออยากจะมาสานงานเก่าต่อไปให้จบ แทนคุณประเทศชาติ แทนคุณกรุงเทพฯ บ้าง
นอกจากนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ยังชี้แจงอย่างชัดเจนถึงกรณีที่ถูกโยงว่าเกี่ยวโยงหรือมีพรรคการเมืองใดสนับสนุนหรือไม่ ว่า “ตอบง่ายมาก ถ้าผมจะลงผู้ว่าฯ อย่างเดียว นักการเมืองหลายพรรคจะหนุนผมทั้งนั้น บอกไม่ต้องส่ง ส.ก. จะสนับสนุนให้เอง แต่บอกไม่ ผมจะต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีใครรับปากผมได้ ถ้าสมมติผมได้เลือกตั้งมาเป็นผู้ว่าฯ พรรคจะมาวุ่นวายกับผมไหม จะเอาคนนั้นคนนี้เป็นรองผู้ว่าฯ เราไม่มีเอกเทศในการบริหารเลย เพราะเขาเป็นคนหนุนเรา ผมยืนยัน ผมเนี่ยส่งแข่งกับเขา หลายพรรคเขาก็โกรธผมนะว่าทำไมต้องส่งมาแข่งกัน ไปตัดคะแนนกันเอง อันนี้อย่าไปพูดว่าตัดคะแนนกัน มันเป็นวิถีทางที่พี่น้องประชาชนเขามีสิทธิ์จะเลือก เขาอยากได้ใครเขาก็เลือกคนนั้น ถ้าเขาชอบเขาก็เลือกผม ถ้าไม่ชอบก็ไม่เลือกคนที่เขาชอบ ส.ก.ของผมก็เหมือนกัน ผมจะต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือ ถ้าผมอิสระไม่จริง แอบให้นักการเมืองหนุน คนกินข้าวนะ เขาดูออกมั้ย เขาไม่ได้กินแกลบ”
ส่วนประเด็นมีการจับคู่ที่ทำขึ้นมาในโลกโซเชียลว่าถ้าเลือก พล.ต.อ.อัศวิน จะได้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคเศรษฐกิจไทย และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้น พล.ต.อ.อัศวิน มองในเรื่องนี้ว่า “นัสเขาก็รุ่นน้อง เขาสั่งผมไม่ได้เพราะเขาเป็นรุ่นน้องผม อย่างพี่ป้อม ท่านประวิตรเนี่ยนะ ถ้าเกิดผมแอบอิงอยู่กับเขา พรรคพลังประชารัฐเขาส่งหมดทั้ง 50 เขตเลยนะ ส.ก. หัวไม่มี (ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.) ถ้าเกิดผมไปหลอก ส่งอัศวินหัวเดียวกระเทียมลีบ แล้วก็ไปแอบกับพรรคพลังประชารัฐ อันนั้นสิเข้าใจได้เลย ปฏิเสธไม่ได้เลย แต่นี่ผมส่งชนกับเขา จนกระทั่งเขาโกรธผมอยู่เนี่ย ผมเนี่ยอิสระล้านเปอร์เซ็นต์”
ขณะที่เรื่องเก็บสำเนาบัตรประชาชนของคนที่มาฟังการปราศรัย พล.ต.อ.อัศวิน ระบุว่าเป็นพื้นที่เขตธนบุรี มีการชี้แจงแล้ว ซึ่งเรามีนโยบายว่าหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 6,900 กว่าหน่วย แต่ละเขตต้องผู้สังเกตการณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง จะได้ไปช่วยตอนตรวจนับคะแนนหลังปิดหีบเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. 2565 ว่าขานหมายเลขถูกหรือไม่ ถ้าพบว่าผิดพลาดจะได้มีการค้านขึ้นมา โดยที่จะต้องแจ้งให้ กกต. ทราบก่อนว่ามีใครบ้าง ยืนยันไม่มีนโยบายในการซื้อเสียง
ในเรื่องคุณสมบัติผู้ว่าฯ ในอุดมคติ พล.ต.อ.อัศวิน มองว่าต้องมี 3 อย่าง คือ 1. ต้องเป็นนักปฏิบัติ 2. ต้องเป็นนักประสาน และ 3. ต้องเปิดกว้าง ฟังความคิดเห็นหลากหลาย ขณะที่ผู้สมัครทุกรายก็มีศักยภาพทุกคน ส่วนคำถามว่าหากไม่ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะทำอะไรต่อไปในอนาคต ได้คำตอบจาก พล.ต.อ.อัศวิน ว่า กลับไปพักผ่อน ไปทำธุรกิจ ไม่เล่นการเมืองต่อ พร้อมย้ำว่าไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด.
อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมาร่วม #กินข้าวเย็นกับผู้ว่า ในลำดับต่อไปคือ วันที่ 8 พ.ค. 2565 น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครจากพรรคไทยสร้างไทย ต่อด้วยวันที่ 11 พ.ค. 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครในนามอิสระ และวันที่ 13 พ.ค. 2565 เป็นคิวของ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล.