ศาลมีคำสั่งถอนประกัน "ทานตะวัน" นักเคลื่อนไหวอิสระ หลัง ตร.ขอให้เพิกถอนการประกัน เหตุผิดเงื่อนไข โพสต์เวลาขบวนเสด็จฯ เจ้าตัวโอดถูกชายหัวเกรียนตามติดชีวิต ขับรถปาด ส่งตัวไปฑัณทสถานหญิงกลาง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 เม.ย. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งเพิกถอนการประกันตัว คดีดำฝากขัง ฝ. 252/2565 ที่พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ยื่นคำร้อง ขอเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ นักเคลื่อนไหวอิสระ อดีตสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ผู้ต้องหาคดีดูหมิ่นแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตาม ป.อาญา มาตรา 112 กรณีวันที่ 5 มี.ค. 65 ผู้ต้องหาโพสต์เฟซบุ๊ก มีเจตนาพิเศษ ด้อยค่าสถาบันฯ ตาม ป.อาญามาตรา 112, ม.138 ว.2 ฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ม.368 ฐานไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
คดีนี้ศาลอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา โดยวางหลักทรัพย์ 1 แสนบาท ให้ใส่กำไลอีเอ็ม และห้ามกระทำการอันเป็นการเสื่อมพระเกียรติ

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า เรื่องนี้ศาลได้มีการนัดไต่สวนไป ทั้งพนักงานสอบสวนและสายสืบของกองสันติบาล ในความเห็นของตนเนื้อหาที่ทางด้านพนักงานสอบสวนร้องมา ไม่มีเรื่องใดที่เป็นการผิดเงื่อนไขของศาล เนื่องจากน.ส.ทานตะวันได้โพสต์เฟซบุ๊ก เช่น มีตำรวจคอยติดตามดู มีการกักรถไว้ตอนที่กำลังจะไปเรียนหนังสือ เนื่องจากมีขบวนเสด็จผ่านตามที่ตำรวจกล่าวอ้าง แต่เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นการรายงานจากสายสืบ ไม่ได้เกี่ยวพันกับการหมิ่นสถาบัน แต่ประเด็นหลักที่ทางพนักงานสอบสวนนำเสนอ คือ น.ส.ทานตะวันได้โพสต์เวลาขบวนเสด็จของในหลวงและพระราชินี ที่จะเสด็จไปวัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเป็นประกาศของทางราชการอยู่แล้ว มีการโยงไปถึงเรื่องเก่าอย่าง การที่เคยทำโพลว่าขบวนเสด็จทำให้ประชาชนเดือดร้อนหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้เป็นคดีความอยู่แล้วที่ศาลอาญากรุงเทพใต้
...

ทนายความผู้ต้องหา กล่าวว่า ตนยังได้ขอศาลว่า น.ส.ทานตะวัน ยังเป็นผู้ต้องหาที่ถูกฝากขังอยู่ในอำนาจของศาล แต่มีการตามติดชีวิตในภายหลังนั้นอาจผิดกฎหมายได้ ตนจึงแถลงขอให้ศาลให้ความคุ้มครอง อย่างเช่น ตักเตือนพนักงานสอบสวน กับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขอให้ศาลมีคำสั่งด้วย อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจเองก็ได้ยอมรับว่า น.ส.ทานตะวัน จะต้องเดินทางไปเรียนภาษาในย่านราชดำเนินกลาง ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีขบวนเสด็จผ่านไปบ่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่เป็นเหตุที่ต้องมาจำกัดสิทธิ์ เพราะศาลไม่ได้ห้ามไม่ให้เดินทางเข้าไปในเขตพระนคร สำหรับการฟังคำสั่งวันนี้ตนไม่มีความหนักใจ
ด้าน น.ส.ทานตะวัน เปิดเผยว่า มีการคุกคามโดยมีชายหัวเกรียนมาคอยเฝ้าหน้าบ้าน จอดรถตามซอกซอย และขับรถติดตามเวลาเดินทางออกนอกบ้าน พบแบบนี้หลายครั้ง อย่างล่าสุดมีกรณีที่ ทางคนติดตามได้ขับรถและปาดหน้ารถยนต์ของตนที่นั่งอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องตนรู้สึกว่าอันตรายมากๆ ส่วนที่แน่ใจได้ว่าเป็นทางตำรวจจริง เนื่องจากมีทางตำรวจสันติบาลโทรมาระบุว่าผู้ที่ติดตามเป็นรุ่นน้องของเขาเอง ที่ผ่านมาตนได้พยายามจะขอเจรจาพูดคุยว่า กับคนที่ติดตามว่าทำไปเพื่ออะไรแต่ว่าเขาไม่ยอมลงมาตอบคำถาม หรือคุยกับเราเลย เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง

น.ส.ทานตะวัน กล่าวต่อว่า การใส่กำไล EM นั้นทำให้เกิดความไม่สะดวกหลายประการ อย่างเช่นกรณีแบตหมดที่เร็วมาก บางครั้งต้องตื่นมากลางดึกเพื่อชาร์จแบต และก็เวลาอาบน้ำทำความสะอาดไม่สะดวก เช็ดล้างยาก จึงได้ปรึกษากับทนายแล้วว่า เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักระยะ อาจมีการขอถอดกำไลอีเอ็มออก เนื่องจากศาลมีเงื่อนไขกำหนดหลายข้ออยู่แล้ว และไม่คิดหลบหนีไปไหนแน่นอน เพราะกำลังวางแผนจะศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์
ต่อมาเวลา 10.50 น.ศาลอ่านคำสั่งว่า ตามคำร้องฟังได้ว่า ผู้ต้องหาทราบกำหนดการเสด็จฯ พระราชทานน้ำสรงศพพระวันรัตแล้วโพสต์กำหนดการไว้ แสดงว่ารู้กำหนดการ และเดินทางไปยังบริเวณงาน และอยู่ในบริเวณดังกล่าว 17.00-19.00 น. โพสต์บรรยายบรรยากาศโดยรอบ โดยมิได้มุ่งหมายจะเข้าไปรับเสด็จ หากผู้ต้องหาต้องการไปรับประทานอาหารจริง ก็สามารถหลีกเลี่ยงเวลาดังกล่าวได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้ต้องมีเจตนาเข้าร่วมกิจกรรมอันอาจให้ก่อความวุ่นวายในบ้ายเมือง ทั้งยังรับข้อเท็จจริงว่าวันที่ 6 กับ 15 เม.ย.ได้ไปร่วมกิจกรรมอันเกี่ยวกับเงื่อนไขที่ศาลสั่งห้าม จึงมีคำสั่งเพิกถอนประกัน ออกหมายขังไปเรือนจำทัณฑสถานหญิง
ระหว่างนี้มีมวลชนกว่า 15 คน สวมเสื้อดำ มารอให้กำลังใจ น.ส.ทานตะวัน ก่อนจะถูกนำตัวไปขังต่อไป
ล่าสุด นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาไม่ได้กระทำผิดเงื่อนไข ที่อันอาจจะก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองตามคำร้องเลย และะเหตุการณช่วงวันที่ 6 และ 15 เม.ย.ก็เป็นเหตุการณ์นอกสำนวนที่ตนได้พยายามอธิบายให้ศาลบันทึก แต่ศาลก็เพิกถอน ผู้ต้องหาอายุยังน้อย ทั้งนี้ จะรีบเขียนอุทธรณ์ยื่นในวันนี้เลย เผื่อได้ปล่อยตัววันนี้.
.