หัวหน้าปชป. แจงคดี “ปริญญ์” พรรคไม่ปกป้อง ไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ส่วนความเห็นคนในพรรคเป็นเรื่องปกติ ชี้ สุดท้าย คนปชป.จะได้ข้อยุติร่วมกัน ด้าน “รัชดา” โพสต์ เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก

วันที่ 17 เม.ย. 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน และมอบถุงน้ำใจ บรรเทาทุกข์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโควิด-19 ที่ตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่อกรณีที่เกี่ยวข้องกับคดีของนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ว่า เป็นหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม เพราะตรงนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดในการที่จะให้ได้เป็นผู้พิสูจน์ เพราะถ้าคนนอกไปพิสูจน์ก็อาจจะมีคำถามเรื่องความยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม แต่ถ้าให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้พิสูจน์แล้ว ทุกฝ่ายก็ยอมรับได้ เพราะจากตำรวจไปอัยการ อัยการไปศาล หรือเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการที่มีการกำหนดไว้ชัดเจนแล้ว

“ผมก็ย้ำสิ่งที่ได้พูดไปแล้วว่า เราไม่เข้าไปปกป้องใครก็ตามที่กระทำความผิด และพรรคก็จะไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องของกระบวนการยุติธรรมใดๆ ทั้งสิ้น” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ส่วนที่สื่อมวลชนถามว่า หลังจากนี้จะไม่มีการแสดงความเห็นจากลูกพรรคอีกใช่หรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของพรรค เพราะในพรรคก็มีการแสดงความเห็นในทุกกรณี ในทุกเรื่องตลอดระยะเวลาอยู่แล้ว มันเป็นวิถีทางที่เราทำงานร่วมกันอย่างนี้ แต่เมื่อสุดท้ายพรรคมีความเห็นอย่างไรที่เป็นความเห็นพรรค ก็ยอมรับกัน ก็เหมือนกับความเห็นที่ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแถลง อันนั้นก็เป็นความเห็นของพรรค ซึ่งก็เป็นข้อยุติตรงนั้น

...

อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก ดร.รัชดา ธนาดิเรก - พรรคประชาธิปัตย์ เขตบางพลัด-บางกอกน้อย ได้โพสต์ข้อความว่า “เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากค่ะ ประชาชนจะตำหนิหรือวิจารณ์ใดๆ ก็พร้อมรับทุกอย่าง
ในฐานะที่ทำงานด้านผู้หญิงมานาน รู้สึกสะเทือนใจ เข้าใจหัวอกและความรู้สึกของทุกคน รวมถึงคำถามที่จะมีต่อคนในพรรค

อย่างไรก็ตาม จะมุ่งมั่นทำงานในเรื่องต่อต้านความรุนแรง ส่งเสริมความเท่าเทียมต่อไป เรื่องที่ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นต้องทำต่อ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราคงได้ใช้โอกาสนี้เดินหน้าการต่อต้านการคุกคามทางเพศอย่างเข้มข้น ร่วมกันทุกฝ่าย เพราะมันเป็นความผิดอาญา ไม่ใช่เรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำกัน ปล่อยผ่านไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องภายในขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่เป็นปัญหาสังคมที่ต้องจัดการไม่ให้เกิดขึ้นอีก ไม่ว่าจะโดยใครและกับใครก็ตาม”.