“ศิธา” ลุยหาเสียงเขตดุสิต ชูนโยบายยกระดับพื้นที่ริมน้ำเป็นพื้นที่กิจกรรม แหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิต สร้างรายได้ให้คนในชุมชน

วันที่ 15 เม.ย. 2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคไทยสร้างไทย และ นายเจนณรงค์ ซาก้า ผู้สมัคร ส.ก.เขตดุสิต พรรคไทยสร้างไทย ร่วมงานประเพณีสงกรานต์ประจำปี 2565 ที่วัดจันทรสโมสร เขตดุสิต ลุยขอคะแนน ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี ประชาชนเข้ามากอด จับมือ บอกว่าขอให้ได้มาเป็นผู้ว่าฯ คนใหม่ เพราะเชื่อมั่นในทีมสุดารัตน์

น.ต.ศิธา เปิดเผยว่า จะชูนโยบาย “Connect & Protect” ปรับเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นกำแพงกั้นสูงปิดบังทัศนียภาพของบ้านเรือนริมน้ำมาออกแบบใหม่ เพื่อใช้ประโยชน์ทั้งการป้องกันน้ำท่วม และเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะสีเขียว ใช้ออกกำลังกาย ทำพื้นที่กิจกรรม เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตและวัฒนธรรม “Cultural Tourism” พร้อมเชื่อมโยงและเปิดพื้นที่ชุมชนริมน้ำให้สามารถค้าขายสร้างรายได้ให้คนในชุมชนเป็น “Community Retail Space” โดยยึดหลักการพัฒนาให้ดีขึ้นโดยฟังเสียงและความต้องการของประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก อย่างเช่นพื้นที่เขตดุสิต สามารถนำร่องเป็นพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ โดยเฉพาะที่วัดจันทรสโมสร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชน สร้างรายได้โดยเปิดพื้นที่ค้าขาย ต่อยอดให้คนนอกพื้นที่รู้จักของดีเขตดุสิตมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ให้คนในเขตดุสิต

...

สำหรับพื้นที่เขตดุสิตมีศักยภาพของชุมชนริมน้ำ ซึ่งต้องปรับให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการสร้างโอกาสให้คนดุสิต โดยเห็นว่าบริบทและภูมิศาสตร์ของเขตดุสิตเป็นเขตที่มีพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยายาวตลอดเขต รวมถึงบริเวณริมคลองสาธารณะ 17 แห่ง ทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำมีบทบาทในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวดุสิตเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นชุมชน เส้นทาง การคมนาคม รวมถึงสถานที่สำคัญเช่นวัด พิพิธภัณฑ์ และท่าเรือ

นอกจากนี้พื้นที่เขตดุสิตที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาและริมคลองหลายแห่งยังสามารถนำมาพัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณะ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตคนในชุมชน และเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้เขตดุสิตในเชิงพาณิชย์ ซึ่งสามารถปรับปรุงและยกระดับให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ได้ เช่น บริเวณวัดจันทรสโมสร ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2386 มีประวัติความเป็นมาคู่กับชุมชนยาวนานถึง 179 ปี อีกทั้งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับชุมชนและโรงเรียนระดับปฐมศึกษา

ในส่วนของพื้นที่รอบวัด โรงเรียน และชุมชน สามารนำมาปรับปรุงเป็นพื้นที่เชื่อมต่อวัฒนธรรมและพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมของ บวร หรือ บ้าน วัด และโรงเรียน ผ่านการปรับปรุง เปลี่ยนภูมิทัศน์ที่เสื่อมโทรมให้กลายไปเป็นพื้นที่สาธารณะเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ โดยการพัฒนาพื้นที่ริมน้ำภายในวัดให้เป็น สวนสาธารณะ และพื้นที่สีเขียวเพื่อสุขภาพ โดยสามารถปรับปรุงให้เป็นทางวิ่งหรือทางจักรยาน ให้ประชาชนในเขตดุสิตสามารถมาออกกำลังกาย และรับอากาศบริสุทธิ์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์เรียนรู้นอกห้องเรียน ทำให้เยาวชนชาวดุสิตได้เรียนรู้อัตลักษณ์ชุมชน ผ่านการทำศูนย์การเรียนรู้ชุมชน สนามเด็กเล่น และลานกีฬา เพื่อพัฒนาทักษะ และส่งเสริมสุขภาพให้กับนักเรียนภายในและนอกชุมชนให้ห่างไกลยาเสพติด

น.ต.ศิธา ระบุด้วยว่า โดยการออกแบบนั้นต้องมาจาก People First Design Thinking โดยต้องเข้าใจบริบทและออกแบบให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์ชุมชน, สร้างโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนในท้องถิ่น และต่อยอดโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต, ออกแบบโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อแม่น้ำมากที่สุด และพัฒนาพื้นที่ร่วมกับชุมชน ทั้งภาครัฐ ประชาชน เพื่อให้ทุกคนได้ใช้พื้นที่ร่วมกัน และเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเข้าถึง.