"จตุพร" โผล่ปราศรัย รำลึก 12 ปี 10 เมษา 53 ปลุกแนวร่วม เตรียมเคลื่อนไหวต่อต้าน สนธิสัญญาไทย-สหรัฐฯ "อินโด-แปซิฟิก" อ้าง ห่วงเอกราชของชาติ เพราะจะทำให้เป็นปฏิปักษ์กับจีน ซ้ำรอย "ยูเครน-รัสเซีย"
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 10 เม.ย. 65 ที่ห้องประชุม อภิวันท์ วิริยะชัย อาคารพีซทีวี ซอยรามอินทรา 40 แยก 33/1 กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ฟากฝั่งของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ร่วมกันจัดงาน "รำลึก 12 ปี วีรชน 10 เมษา 53" เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ทหารเข้าสลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.ที่ถนนราชดำเนินกลาง จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันมีคนเสื้อแดงและทหาร เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สำหรับบรรยากาศในงานมีการนิมนต์พระสงฆ์ มาทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้คนเสื้อแดงที่เสียชีวิต มีแกนนำ นปช. ญาติผู้เสียชีวิต ตลอดจนมวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่ง ที่ยังคงภักดีต่อนายจตุพร เดินทางมาร่วม อาทิ นายบรรเจิด ฟุ้งกลิ่นจันทร์ บิดานายเทิดศักดิ์ ฟุ้งกลิ่นจันทร์ คนเสื้อแดงที่ถูกยิงเสียชีวิต นายสมใจ เข็มทอง พี่ชายมงคล เข็มทอง อาสาสมัครมูลนิธิแห่งหนึ่งที่ถูกยิงเสียชีวิต นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ์ โฆษก นปช. นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋งดอกจิก นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือ ทอมดันดี เป็นต้น
หลังเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ ตัวแทนญาติผู้สูญเสียขึ้นเวที มากล่าวขอบคุณผู้จัดงาน โดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาลที่ถูกยิงเสียชีวิต กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมถูกยกฟ้องหมด มองว่า ถูกกลั่นแกล้งรังแก จึงถึงเวลาที่ญาติทุกคนที่จะเริ่มต้นเรียกร้องความยุติธรรมอีกครั้ง นับตั้งแต่วันนี้ จะมีการนัดหมายญาติผู้เสียหาย ที่มีความพร้อม เดินทางไปทุกที่ ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องการสลายการชุมนุม เมื่อ 12 ปีก่อน ไม่ว่า จะหน้ากองทัพบก ทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องความยุติธรรมต่อไป
...
ขณะที่นายนันทพงศ์ ปานมาศ แกนนำเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย หนึ่งในแนวร่วมม็อบราษฎร กล่าวว่า 12 ปี ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้เผด็จการยังอยู่ โดยเฉพาะ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เราต่อสู้โดยไม่มีอาวุธแต่เราไม่ได้ไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ แม้หาฆาตกรไม่เจอ ไร้ความยุติธรรม คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ จะสานต่ออุดมการณ์ขอสัญญาว่า จะสืบสานเจตนารมณ์ของวีรชนที่ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ
ขณะเมื่อเวลา 11.30 น. นายจตุพร ขึ้นกล่าวปราศรัย ว่า หลายเดือนที่ผ่านมานั้น ที่ต้องยุติบทบาทไป เพราะถ้าขยับเมื่อไร คนในรัฐบาลที่กำลังแตกแยกกันก็จะหันหน้ามาจับมือกัน แล้วถล่มกลับ แต่วันนี้ตีกันจนมองหน้าไม่ติดแล้วจึงสามารถออกมาได้ เรื่องที่ใหญ่กว่าการเมืองเส็งเคร็ง คือ เรื่องของบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงอย่างไรก็ไม่มีวันอยู่ครบ 8 ปี แต่ที่ทำความเดือดร้อนมากที่สุด และจะเป็นปัญหาคือการลงนามกับสหรัฐฯ ในความร่วมมือสนธิสัญญา อินโด-แปซิฟิก เมื่อปี 62 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อต้านประเทศจีน ตนไม่ได้เข้าข้างประเทศจีน แต่การที่รัฐบาลไทยไปเซ็นสัญญาเป็นปฏิปักษ์ประเทศจีน แล้วถ้าวันหนึ่งจีนคิดแบบรัสเซียกับยูเครน จะเป็นอย่างไร สถานกงศุลสหรัฐฯ ที่ก่อสร้างใน จ.เชียงใหม่ เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างดี จนถึงวันนี้รัฐบาลไทยไม่ได้แสดงอะไร ที่จะยกเลิกสัญญาดังกล่าว ดังนั้นถ้าเรามีความจำเป็นจะต้องต่อสู้กับสนธิสัญญาแปซิฟิก เหมือนสมัยยุคสงครามเวียดนาม ที่มีการเคลื่อนไหวขับไล่ฐานทัพสหรัฐฯ ในไทยเราก็คงไม่มีทางเลือก จึงขอเรียกร้องว่า ให้คิดไกลๆ เอกราชสำคัญกว่าเรื่องการเมือง ถ้าต่อสู้แบบเดิมเอานักเลือกตั้งมาเป็นตัวตั้ง เราจะแพ้ตลอดไป ถึงชนะเลือกตั้งก็ปกครองประเทศภายใต้ รธน.60 ไม่ได้ เอาบ้านเมืองเอาเอกราชมาเป็นตัวตั้ง จะเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย ที่ผ่านมา ตนไม่ได้หายหน้าไปแค่เพียงคิดว่าจะออกมาเมื่อไหร่ ตอนนี้พร้อมที่จะต่อสู้แล้ว จนกว่าประเทศจะเปลี่ยนแปลงตามเจตนารมณ์ของวีรชนที่สูญเสีย
"ความสูญเสียของวีรชน 12 ปีนี้ ฝ่ายตายไม่เคยได้รับความยุติธรรม ฝ่ายทำให้ตายไม่เคยได้รับโทษ เราแสวงหาความยุติธรรม ถึงขั้นเคยไปฟ้องถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ ก็ไม่เป็นผล วันนี้จึงอยู่กับความทุกข์ระทม ไม่เคยมีอนุสาวรีย์ ไม่เคยมีการชำระประวัติศาสตร์ และไม่เคยได้รับความยุติธรรม แต่ยืนยันจะยังคงต่อสู้ต่อไป และอยากสะกิดเตือนให้นักสู้ได้ทราบว่า ต้องทำใจพวกเราเหมือนวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้แล้วทิ้งขอนัดหมายอีกครั้งงานรำลึกสลายการชุมนุมราชประสงค์ 19 พ.ค. หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก่อนจะแจ้งให้ทราบ" นายจตุพร กล่าว.