รองโฆษกกล้า จี้ รัฐ ทบทวนเก็บภาษีที่ดิน 100% ชี้ ผู้ประกอบการ รับไม่ทัน เจอโควิด-19 พ่วงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซ้ำ“กรณ์” แนะ ค่อยๆ ปรับขึ้น ดีกว่าเพิ่มทีเดียว 10 เท่า พ่วงทวงรายได้ให้ท้องถิ่น ชี้รัฐต้องชดเชย 

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2565 นายเทมส์ ไกรทัศน์ รองโฆษกและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต พรรคกล้า กล่าวว่า ได้รับร้องเรียนจากภาคธุรกิจโรงแรม และภาคบริการขนาดเล็ก และขนาดกลาง ถึงกรณีรัฐบาลประกาศจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 100% แบบไม่มีผ่อนผัน ว่า ภาษีที่ดินฯ ตราขึ้นเพราะกฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนฯ และภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งใช้มานานแล้วและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน กล่าวคือ การจัดเก็บภาษีตั้งอยู่บนความเป็นธรรม มีทรัพย์สินมาก ก็เสียมาก หากปล่อยรกร้างไม่ทำประโยชน์ ยิ่งทำให้เสียมูลค่าเสียการเติบโตเศรษฐกิจในภาพรวม จึงต้องเสียแพงขึ้น ซึ่งมีความเป็นธรรม มีเหตุผล แต่หลักการดังกล่าวตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า โลกเศรษฐกิจที่มีการลงทุนเป็นปกติ คนใช้ชีวิตปกติ ไม่ใช่ในช่วงเกิดโรคระบาดต่อเนื่องยาวนานอย่างปัจจุบัน ที่ทั่วโลกยังเผชิญโรคโควิด-19 สิ่งต่างๆ บนโลกเหมือนชะงักมากว่า 2 ปี แถมยังมีมาตรการผ่อนคลายที่รัฐออกมาช้า สะท้อนว่า ยังหวั่นเกรงการระบาดอยู่ แต่ภาษีที่ดินฯ กลับขอให้จ่ายปกติไวๆ

...

รองโฆษกพรรคกล้า กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการยังไม่สามารถเดินหน้าทำธุรกิจได้ปกติ ทั้งบุคคลหรือผู้ประกอบการที่ถือครองที่ดิน (และอาคาร) ก็ลำบากกันถ้วนหน้า รายได้ไม่เข้า หรือแม้จะพอมีเข้ามาบ้าง ก็เอาไปใช้หนี้เก่าที่กู้มาตอนเจอวิกฤติโควิด ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา บางส่วนที่สามารถกลับมาเริ่มเปิดกิจการได้แล้ว ก็มาเจอปัญหาใหม่จากสงครามรัสเซียกับยูเครน เพราะช่วงล่าสุดที่ผ่านมา คนรัสเซียเข้าภูเก็ต เป็นอันดับ 1 และมาซ้ำเติมด้วยปัญหาเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น จ.ภูเก็ต ซึ่งมีปัญหาของแพงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแพงขึ้นไปอีก ตอนนี้หลายฝ่ายทั้ง ภาคเอกชน หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย รวมถึงสมาคมโรงแรมไทยต่างส่งเสียงเรื่องนี้ รัฐบาลได้ยิน แต่ยังคงยืนยันว่า จะไม่ผ่อนผันให้แล้ว ซึ่งมองว่า รัฐบาลถอนความช่วยเหลือเร็วไป ปีก่อนเก็บแค่ 10% ปีนี้มา 100% เลยแทนที่จะค่อยๆ ขึ้นแบบขั้นบันได ก็จะช่วยให้คนทำธุรกิจลืมตาอ้าปากได้บ้าง มีกำลังที่จะจ้างงานต่อ เป็นผลดีต่อห่วงโซ่ธุรกิจภาพรวม ทั้งนี้ รัฐบาลควรตัด ลดงบจำพวกอบรมศึกษาดูงาน สร้างอาคารราชการใหม่ จัดซื้อของอะไรที่ไม่ช่วยกระเตื้องเศรษฐกิจปากท้อง ออกไปก่อน 2-3 ปี หากผู้ประกอบการเขาแย่ ทำต่อไม่ไหว เพราะมีต้นทุนทางภาษีก้อนใหญ่มาซ้ำเติมปัญหาเดิมเข้าไปอีก การเลิกจ้าง หยุด-ปิดกิจการ ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ หรือขึ้นราคาสินค้าและบริการ พนักงานสวัสดิการลด เงินเดือนไม่ขึ้น เป็นต้น แรงกระเพื่อมนี้ก็กระทบส่วนรวมมากน้อยต่างกันไป เอกชนเขาอุตส่าห์รอดมาได้ ช่วยยื่นมือพาเขาไปต่อดีกว่า

ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวเสริมว่า อันดับแรก รัฐบาลควรเร่งชดเชยท้องถิ่นในส่วนของรายได้ที่หายไป เพราะการลดภาษีที่ดิน 2 ปี ที่ผ่านมา เป็นนโยบายรัฐบาล อันดับที่สอง รัฐบาลมีนโยบายลดภาษีที่ดิน เพราะต้องการลดภาระประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงทำมาค้าขายลำบาก ดังนั้นต้องพิจารณาว่า สถานการณ์ตอนนี้กลับสู่ปกติแล้วหรือยัง ตำตอบคือยัง จึงควรค่อยๆ ปรับดีกว่าที่จะเพิ่มทีเดียว 10 เท่า อันดับที่สาม ในกรณีธุรกิจ เราอาจต้องทบทวนว่า หลักการการเก็บภาษีจากมูลค่าทรัพย์สินหรือการจัดเก็บจากรายได้ หลักการไหนมีความเหมาะสมกว่ากัน