หนาวกลางฤดูร้อนก็มีให้เห็นแล้วในประเทศไทย นับประสาอะไรกับเรื่องประหลาดในเหตุบ้านการเมืองก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
ณ วันที่โรคระบาดไวรัสมรณะยังลามระอุ จำนวนคนติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ลดลง ตรงกันข้ามกลับเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ประเมินกันว่า หลังสงกรานต์จะยิ่งเพิ่มสถิตินิวไฮ
ตัวเลขอาจไต่ขึ้นหลักหลายแสนรายต่อวัน
ที่อันตรายก็คือปรากฏการณ์ “กลายพันธุ์” จากโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.1 BA.2 เพิ่มพลัง “ไฮบริด” เป็น XE, XJ ทำให้เชื้อแพร่ง่าย ติดต่อเร็ว
ที่สำคัญพบในประเทศไทยแล้ว 1 ราย นั่นก็หมายถึงการติดต่อไปแล้วไม่รู้กี่ราย
ไอ้ที่วางแผนสวยหรู ล็อกฤกษ์ 1 กรกฎาคม 2565 ทีมสาธารณสุขตั้งเป้าหมายจะปรับวิกฤติโควิดออกจาก “โรคระบาด” กลายเป็น “โรคประจำถิ่น”
มโนได้ แต่ต้องเผื่อใจ เผื่อหน้าแตกไว้บ้าง
ไวรัสอันตรายยังไม่ผ่อนคลายตามเงื่อนไขสถานการณ์ก็โยงไปถึงสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่เจอพิษ 2 เด้ง ทั้ง “สงครามโรค” ซ้ำด้วย “สงครามโลก” แนวรบรัสเซีย-ยูเครน ยังตึงเครียด
ล่าสุดธนาคารโลก “เวิลด์แบงก์” และคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) พร้อมใจกันหั่นจีดีพี ปรับลดตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยเหลือแค่ร้อยละ 2.6-2.9 และ 2.5-4 ตามลำดับ
หนี้ท่วม คนจนเพิ่ม เงินเฟ้อ ของแพง
รัฐบาลหมดแรงอัดฉีดแล้ว จากตัวเลขเงินกู้ที่ทะลุเพดาน 10 ล้านล้านบาท ทะลัก 60 เปอร์เซ็นต์จีดีพี

...
บันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ยุค “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นรัฐบาลที่ทำลายสถิติกู้มากสุดเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านๆมา
ฝีมือบริหารเศรษฐกิจสอบตกระเนระนาด
ตั้งแต่ขาดทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯไป ความเชื่อมั่นนักลงทุนแทบไม่เหลือ
สวนทางกับความพยายามเดินหมากการเมือง ยื้อลากอำนาจผู้นำทหารเฒ่าอยู่ยาว หวังสร้างสถิติ ทำเนียบนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งนานลำดับต้นๆของเมืองไทย
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เชิดฉิ่งโหมโรงเกมเลือกตั้งดังขึ้นทุกขณะ
ตามจังหวะการนำร่องสนามเล็ก ศึกเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่คึกคัก ครึกครื้น ด้วยจำนวนผู้สมัครมากถึง 25 คน พ่วงด้วยผู้สมัครสมาชิกสภา กทม.อีกหลายร้อยคน
เลือกกันไม่ถูก ไม่รู้เบอร์ไหนเป็นเบอร์ไหน
และเท่าที่เห็นแทนที่จะประชันกันด้วยนโยบาย แต่กลายเป็นเบิ้ลบลัฟกันด้วย “ป้ายหาเสียง” ของใคร “โดนใจ” คนเมืองกรุง ออกแบบได้ตรงเทรนด์ที่สุด
แค่ยกแรกวัดกันที่ป้ายก็รู้แล้ว ใครมีกึ๋นมากกว่ากัน
เทียบกับป้ายหาเสียงสี่เหลี่ยมแบบโบราณของผู้สมัครรายอื่น ป้ายหาเสียงแนวยาวพอดีกับเสาไฟฟ้าไม่บดบังถนนหนทางของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ยังทำอะไรก็ “เข้าตา”
ประคองสถานะ “เต็งหนึ่ง” ได้ตามฟอร์มสมกับที่ออกตัวก่อนคู่แข่งเป็นปีๆ

ตรงกันข้าม ทำอะไรก็ “ขัดหู ขัดตา” ตามจังหวะความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” ที่อยู่ๆก็สวมบท “พระยาน้อย” ชมตลาด แวบไปเซอร์ไพรส์พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสะพานขาว ควง “พี่รอง” อย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เที่ยวชมตลาดริมคลองโอ่งอ่าง และพื้นที่ใกล้ๆทำเนียบ รัฐบาล
พูดเป็นทำนอง โชว์ผลงานรัฐบาล ที่ร่วมมือกับ กทม.
หยอดทุ่นเป็นนัยขอให้ประชาชนคนเมืองกรุงคิดถึงความต่อเนื่องในการบริหาร มันก็เลยถูกแปรความเป็นการส่งรหัสสัญญาณหนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม.ลากตั้งที่ลุ้นเบิ้ลเก้าอี้อีกรอบ
ตามประสาคนคอเดียวกัน มาแนวเดียวกัน
แอบลุ้น แอบเชียร์ จนออกนอกหน้า ลีลายังไม่เนียน
ไม่ต้องโคตรเซียนการเมืองก็อ่านไต๋ออก
แต่เรื่องของเรื่อง การแอบลุ้นแอบเชียร์ พล.ต.อ.อัศวินมันก็น่าจะเป็นแค่ผลพลอยได้เท่านั้น หากวิเคราะห์กันตามเงื่อนไขสถานการณ์ นาทีนี้ “บิ๊กตู่” ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะ “คนเชียร์แขก” ซะที่ไหน
ต้นทุนหน้าตักติดลบ ขนาดตัวเองยังเอาตัวแทบไม่รอด
ในสภาพอำนาจ “ขาลงแนวดิ่ง” ทำอะไรก็ผิดพลาด พลิกกลับตาลปัตรไปหมด จากที่หวังโบแดง กลายเป็นโบดำ หวังแต้มบวก กลายเป็นโดนลบแต้มบานตะไท

ตามปรากฏการณ์ลุย “แก้หวย” แต่ถูกจับโป๊ะ โดนมองว่าเอาเงินไปตั้งพรรคหรือเปล่า
ว่าด้วย “คลิปฉาว” ของ “พะนะทั่นแรมโบ้” นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำนายกรัฐมนตรี หัวขบวนปราบหวยแพง ของทีม เสธ.ตึกไทยฯที่เจอยุทธการ “ล่อซื้อ”
แผนเด็ดของคนโตแห่งเมืองพะเยาเอาคืนเกมทลายรัง “มังกรฟ้า”
แรงสะท้อนกลับไปถึงนายกรัฐมนตรี เป็นอีกช็อตที่โดน “หอกข้างแคร่” ทิ่มทะลุกลางอก
และน่าจะตกที่นั่งเดียวกับ “น้องเอ๋” ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี ค่ายพลังประชารัฐ ที่โดนศาลฎีกาพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี ส่งผลให้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ส.ว.หรือแม้แต่ผู้บริหารท้องถิ่น
ห้ามดำรงตำแหน่งใดๆทางการเมืองตลอดชีวิต
แม้แต่ “ผู้ใหญ่บ้าน” ยังเป็นไม่ได้ โทษฐานผิดจริยธรรมร้ายแรง จากคดีบุกรุกป่าสงวนฯทำฟาร์มไก่ในพื้นที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

เหมือนถูก “ประหาร” ทางการเมือง อารมณ์แบบที่เจ้าตัวโพสต์หมดอาลัยตายอยาก เศร้าตัวชา ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง เป็นคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์
“ปารีณา” ต้องปิดฉากชีวิตทางการเมืองไปแบบบอบช้ำ
สถานภาพเดียวกับ “คู่หูตัวจี๊ด” อย่างนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ที่โดนศาลพิพากษา หลุดเก้าอี้ ส.ส. เพราะเคยต้องโทษและถูกจำคุกในคดีอาญามาก่อน
“สิระ-ปารีณา-เสกสกล” องครักษ์พิทักษ์ “นายกฯ ลุงตู่” ต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
ตกม้าตายตอนจบทุกราย
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์ที่ตัว พล.อ.ประยุทธ์เองก็อยู่ในภาวะ “โดดเดี่ยวเดียวดาย”
กับสถานะผู้นำรัฐบาลที่ไร้ฐานหนุน นายกรัฐมนตรี ไม่มีกองกำลัง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรอยู่ในกำมือ ไม่สามารถกุมดุลอำนาจเสียงข้างมากได้
มีโอกาสร่วงเก้าอี้คาสภาได้ตลอดเวลา
ห้วงเวลาลุ้นระทึกนับตั้งแต่เปิดสมัยประชุมฯวันที่ 22 พฤษภาคม เป็นต้นไป
หันซ้ายแลขวา ไม่รู้จะพึ่งใครได้
ในอารมณ์แบบที่ “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าค่ายเซราะกราว ภูมิใจไทย นับนิ้วโชว์นักข่าว
เหลืออีก 11 เดือน การันตีรัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่นอน
แต่ไม่ได้บอกว่า นายกรัฐมนตรียังชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อยู่หรือไม่
อาการเดียวกับ “อู๊ดด้า” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่กอดรัฐบาลแน่น ไม่เคยมีท่าทีจะถอนสมอ
แต่ก็ไม่ได้ระบุ นายกรัฐมนตรีต้องเป็นคนเดิม
ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ยังพอใจกับสถานะ “เพื่อนกิน” ล็อกแขน มัดข้าวต้มเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แต่ไม่ได้หมายถึงการการันตีตัวผู้นำ

แม้แต่คนกันเองในค่ายพลังประชารัฐ ก็วางใจได้เสียที่ไหน
ว่ากันตามปรากฏการณ์ล่าสุดที่ “พี่ใหญ่” อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร. ยกโขยงไปจัดประชุมใหญ่กันที่จังหวัดนครราชสีมา
วาระสำคัญคือการตั้งกรรมการบริหารทดแทนตำแหน่งว่าง
โฟกัสไปที่ชื่อของบิ๊กท็อปบูตอย่าง พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กับ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ ทีมงานสายตรงบ้านป่ารอยต่อฯ
“พี่ใหญ่” ยึดค่าย พปชร.เบ็ดเสร็จ บล็อกทีม เสธ.ตึกไทยฯไม่ให้ยุ่มย่าม
ตามรูปเกมทีมหนุน “บิ๊กตู่” ต้องระเห็จออกไปสร้างป้อมค่ายใหม่ แบบที่ “เสี่ยตุ๋ย” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ร่อนใบลา ไขก๊อกจากประธานกุนซือพรรคพลังประชารัฐ รอไปเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ยุทธศาสตร์แตกแบงก์ร้อยเป็นแบงก์ยี่สิบ เหรียญสิบ เหรียญห้า
“เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน” หนุน “บิ๊กตู่” ลากยาวอำนาจ บนเส้นทางที่ตีบตันลงทุกขณะ
จังหวะกระแสความนิยมดิ่งเหว อย่าได้แปลกใจที่ “พระยาน้อย” ต้องเดินสายชมตลาดถี่ๆ
นาทีนี้ต้องปั่นแต้มช่วยตัวเอง มากกว่าหวังพึ่งคนอื่น.
“ทีมการเมือง”