“ชัชชาติ” ขออย่านำเรื่องป้ายหาเสียงเป็นประเด็นขัดแย้ง ชี้ ไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหา หรือนโยบาย เตรียมลุยพื้นที่ชุมชนหนักขึ้น หลังมองว่ายังเป็นจุดอ่อน

วันที่ 5 เม.ย. 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนหลังลงพื้นที่หาเสียงเลือกตั้งกรุงเทพฯ แล้ว โดยพบว่าจุดแข็งคือเราเข้าใจปัญหา เพราะลงพื้นที่มานาน และมีทีมงานที่ครบทุกด้าน ส่วนจุดอ่อนอยู่ที่ชุมชน เนื่องจากเราเป็นผู้สมัครอิสระ ไม่มีฐานเสียง ชุมชนจึงเป็นจุดที่อ่อนแอ หลังจากนี้ก็จะลงพื้นที่ชุมชนให้หนักขึ้นและละเอียดขึ้น ส่วนที่เหลือเวลาอีก 1 เดือนกว่าๆ คิดว่าเราก็จะทำให้เต็มที่ ทำดีที่สุด ไม่คิดอะไรมาก

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้มีผู้สมัครมากที่สุดถึง 31 คน ว่า เราไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มากกว่า 9 ปี ดังนั้น 31 คน จึงถือว่าสมศักดิ์ศรี และเป็นเรื่องดีที่ให้ประชาชนมีตัวเลือกที่มากขึ้น ส่วนกรณีที่มีการนำป้ายหาเสียงของตนไปเปรียบเทียบกับผู้สมัครรายอื่น รวมไปถึงยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ได้ทำป้ายขนาดเล็กเป็นคนแรกนั้น ที่ผ่านมาก็ไม่เคยพูดว่าทำเป็นคนแรก เราทำตามที่คิดว่าเหมาะสมกับการเลือกตั้งในเขตเมือง อย่าสนใจว่าใครทำก่อน-ทำหลัง หรือเอาป้ายหาเสียงของตนไปเปรียบเทียบกับใคร หากมีใครใช้ป้ายขนาดเล็กเหมือนตนมากๆ ก็เป็นเรื่องดี จะได้ไม่กีดขวางประชาชน และแสดงให้เห็นว่าเขาเห็นด้วยกับเรา ดังนั้นอย่านำไปเป็นประเด็นความขัดแย้ง เพราะป้ายไม่สำคัญเท่ากับเนื้อหา หรือนโยบาย

“บทบาทของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ถือว่ามีความแตกต่างกับการมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้มาก เพราะว่าตอนที่สังกัดพรรค เราก็ต้องดำเนินการตามแนวทางของพรรค แต่การลงสมัครในนามอิสระถือว่าได้พบเจออะไรใหม่ๆ มากมาย”

...

ทั้งนี้ เป็นที่สังเกตว่า นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าใช้เสียงในการพูดคุยถึงนโยบายให้กับพี่น้องประชาชนมากเกินไปหน่อย หลังจากนี้คงต้องหาคนมาช่วยพูดประชาสัมพันธ์ แต่ยังไหวและสบายมาก พลังเต็มเปี่ยม ก่อนจะโชว์ความแข็งแกร่งให้สื่อมวลชนดู.