“ชัยวุฒิ” ยืนยัน พลังประชารัฐไม่ขัดแย้ง ชี้ คนเก่งมีเยอะ ช่วยกันทำงาน มั่นใจผลงานนายกฯ-รัฐบาล หนุนเลือกตั้ง อาจได้ ส.ก. พอสมควร

วันที่ 5 เม.ย. 2565 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายอภิชัย เตชะอุบล ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้ง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค เป็นประธานยุทธศาสตร์หาเสียงร่วมกับผู้สมัคร ส.ก. แต่ นางนฤมล ปฏิเสธไม่รับตำแหน่งดังกล่าว ว่า ไม่ทราบ ต้องถามนางนฤมล แต่โดยหลักการพรรคเราช่วยกันทำงานอยู่แล้ว กรรมการของเราทุกคนก็ช่วยกันหาเสียงหรือคิดนโยบายในการสนับสนุนการทำงานของ ส.ก. ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้อยู่แล้ว

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามว่าจำเป็นต้องมีประธานยุทธศาสตร์หาเสียงโดยเฉพาะหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะผู้บริหารพรรคทุกคนช่วยกันอยู่แล้ว คุยกันตลอด ผู้สมัคร ส.ก. ส่วนใหญ่ก็เป็นทีมงานของ ส.ส. เป็นสมาชิกพรรคที่เราเคยทำงานร่วมกันมาระยะหนึ่งอยู่แล้ว ก็คุ้นเคยกัน คุยกันตลอด ไม่น่าจะมีปัญหาในการหาเสียงในนามพรรค

ส่วนจะเป็นความขัดแย้งหรือไม่เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่า นางนฤมล จะได้คุม กทม. แต่มาวันนี้กลับไม่รับตำแหน่ง นายชัยวุฒิ ระบุว่า ไม่เห็นจะขัดแย้ง เมื่อก่อนตนก็คุม กทม. ยังไม่เห็นขัดแย้งเลย ก็ช่วยๆ กันทำงาน ไม่มีความขัดแย้ง การที่เรารับผิดชอบดูแลพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ แต่เป็นการช่วยกัน ไม่ได้เป็นปัญหาขัดแย้ง

ขณะที่จะต้องมีการคุยกันเพื่อหาคนมาช่วยงานหรือไม่ นายชัยวุฒิ ให้คำตอบว่า คนช่วยงานมีเยอะแยะแล้ว พรรคพลังประชารัฐมีบุคลากรและสมาชิกพรรคที่มีความรู้ความสามารถเยอะ เพียงแต่บทบาทอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารที่จะช่วยกันขับเคลื่อนตามกฎหมายเป็นหลักการ แต่เบื้องหลังเรามีทีมงานและสมาชิกพรรคที่กระจายไปช่วยทุกพื้นที่อยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้ง

...

เมื่อถามว่าพลังประชารัฐชัดเจนแล้วหรือยังว่าจะสนับสนุนผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) คนใด นายชัยวุฒิ ระบุว่า ตนเองเป็นรัฐมนตรีและ ส.ส. จะไปพูดเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะกฎหมายเลือกตั้งห้ามผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือกตั้ง แต่ถ้าในนามสมาชิกพรรคทุกคนมีอิสระในการทำงาน สนับสนุนใครก็ได้ที่เขาคิดว่าเหมาะสม ไม่ได้มีนโยบายหรือทิศทางชัดเจน ส่วนคำถามว่าพรรคไม่ได้มีนโยบายไปในทิศทางเดียวกันหรือ นายชัยวุฒิ เผยว่า เขากำลังคุยกันอยู่

หากประเมินสนาม ส.ก. จะเป็นการสะท้อนไปในสนามเลือกตั้งใหญ่ได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ ให้คำตอบว่า อันนั้นเป็นเรื่องจริง คะแนนนิยมของเลือกตั้งท้องถิ่นก็สะท้อนไปถึงการเลือกตั้งใหญ่อยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติ แต่อีกส่วนที่เป็นตัวแปรสำคัญก็คือ ตัวผู้สมัครที่มีความคุ้นเคยกับประชาชน ลงพื้นที่ต่อเนื่อง มีผลงาน จึงอยู่ที่ 2 อย่างคือคะแนนนิยมของพรรคและตัวผู้สมัคร แต่จุดได้เปรียบของพรรคพลังประชารัฐคือ เราเป็นพรรคที่มีคะแนนนิยมใน กทม. จากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว และมี ส.ส. เขตใน กทม. ถือว่าเราสามารถทำงานการเมืองให้ชาว กทม. ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงประเมินการเลือกตั้ง ส.ก. ทั้ง 50 เขต คาดว่าจะได้คะแนนเท่าไหร่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังประเมินไม่ได้ ต้องดูสักระยะหนึ่ง แต่คิดว่าจะได้พอสมควร ไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาเรื่องคะแนนนิยมอะไร บวกกับที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีและรัฐบาลทำงานดูแลชาว กทม. มาเป็นอย่างดี ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟฟ้า ระบบป้องกันน้ำท่วม แก้ปัญหาคูคลอง จัดระเบียบหาบเร่แผงลอย ที่ผ่านมามีผลงานมากมายที่รัฐบาลได้ทำไว้ ซึ่งก็สะท้อนมาถึงพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว.