“คุณหญิงสุดารัตน์” พร้อมด้วย “ศิธา” ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่สวนลุมพินี เสนอใช้ที่เอกชนซึ่งไม่ได้ทำประโยชน์มาทำเป็นสวนสาธารณะ หลังประชาชนสะท้อนอยากได้พื้นที่สีเขียวเพิ่ม

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 3 เม.ย. 2565 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย น.ส.เมลิสา มหาพล ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) หมายเลข 4 เขตปทุมวัน พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนที่มาออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเช้าที่สวนลุมพินี

ทั้งนี้ น.ต.ศิธา ได้สอบถามภาพรวมของภูมิทัศน์และพื้นที่ทางกายภาพต่างๆ ภายในสวนลุมพินี หลายคนสะท้อนความคิดเห็นว่า สภาพแวดล้อมภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ถือว่าได้มาตรฐาน และได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง แต่สวนสาธารณะที่ได้มาตรฐานเช่นนี้ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวกรุงเทพฯ อยากเห็นพื้นที่สีเขียว โดยเฉพาะสวนสาธารณะที่ได้มาตรฐานสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง อย่างเพียงพอ

...

จากนั้น น.ต.ศิธา ระบุว่า พรรคไทยสร้างไทย มีนโยบายเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ สามารถใช้งานได้จริง โดยภายใน 4 ปี จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวที่ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ได้ ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 9 ตารางเมตรต่อคน ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันพบว่า พื้นที่สีเขียวที่ประชาชนสามารถใช้งานได้จริงมีเพียง 0.92 ตารางเมตรต่อคน ถือว่าไม่เพียงพอต่อความต้องการ พรรคไทยสร้างไทยจึงมีแนวคิดที่จะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เป็นไปตามมาตรฐานของ WHO โดยนำที่รกร้างว่างเปล่าหรือที่ของเอกชนที่ยังไม่ได้มีโครงการหรือแนวคิดจะพัฒนาที่ดินมาใช้ให้เกิดประโยชน์ จะเข้าไปเจรจากับเอกชนเพื่อเช่าที่ดินในระยะยาว และนำมาต่อยอดพัฒนาเป็นสวนสาธารณะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้คนกรุงเทพฯ ได้ใช้งาน

ที่ผ่านมาในอดีต เคยนำพื้นที่รกร้างว่างเปล่าในเขตสนามบิน มาทำเป็นสนามจักรยาน ทำสวนพักผ่อนหย่อนใจ ทำพื้นที่สันทนาการให้กับพี่น้องประชาชนรอบสนามบินสุวรรณภูมิมาแล้ว ในปีหนึ่งมีคนมาใช้บริการเกินล้านครั้ง และได้พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน กลายเป็นสนามจักรยานที่ดีอันดับต้นๆ ของโลก ในส่วนของ กทม. พื้นที่ที่จะนำมาใช้เริ่มจากพื้นที่ในส่วนรับผิดชอบของ กทม. เอง พื้นที่ของหน่วยงานราชการอื่นๆ, พื้นที่ของรัฐวิสาหกิจ และพื้นที่ของเอกชน ซึ่งในปัจจุบันพื้นที่ของเอกชนจะต้องเสียภาษีสำหรับที่ดินที่ยังไม่ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เอกชนจึงใช้วิธีปลูกพืชเพื่อสำแดงว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เราจะเสนอให้ปรับแก้กฎหมายโดยสามารถนำพื้นที่มาใช้เพื่อสาธารณประโยชน์โดยนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน.