หลังได้ประกันตัว 4 แกนนำม็อบราษฎร สวมกำไลอีเอ็มออกงานร่วมกันครั้งแรก เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สามัญชน “เพนกวิน” เปิดใจ พบรักในเรือนจำกับ “ปูน ทะลุฟ้า” ด้าน “รุ้ง-เบนจา” เผยรับผลกระทบทางจิตใจ

วันที่ 19 มี.ค. 2565 ที่พิพิธภัณฑ์สามัญชน สี่แยกบางพลัด นายอานน ชวาลาวัณย์ เจ้าหน้าที่อาวุโส โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ ไอลอว์ ในฐานะผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ ร่วมกับภาคีเครือข่าย เชิญ 4 แกนนำม็อบราษฎร ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, น.ส.เบนจา อะปัญ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ มาร่วมกิจกรรมแกน-นำ-ทัวร์ ถือเป็นการเดินทางมาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งหมดได้ประกันตัวออกจากเรือนจำ โดยคงต้องสวมกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้าตามเงื่อนไขของศาลและต้องเดินทางกลับเคหสถานก่อนเวลา 18.00 น.

ทั้งนี้ 4 แกนนำได้เดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่เน้นการจัดแสดงสัญลักษณ์ของการชุมนุมกลุ่มมวลชนต่างๆ ตั้งแต่อดีตถึงการชุมนุมของม็อบราษฎร ผ่านของที่ระลึกในการชุมนุม ส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืดที่มีการสกรีนภาพบอกเรื่องราว เมื่อถึงจุดจัดแสดงการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 นายพริษฐ์ ขอให้คณะยืนหยุดนิ่งไว้อาลัยให้คนเสื้อแดงที่ต้องเสียชีวิต และยังได้ร่วมลงชื่อในกระดาษบันทึกรายชื่อผู้ถูกดำเนินคดี ม.112 ที่ผู้จัดนิทรรศการได้พิมพ์ชื่อผู้ถูกดำเนินคดีทั้งหมดไว้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันในกระดาษแผ่นยาว

...

ต่อมาทั้งหมดเข้าร่วมในกิจกรรมราษฎรเม้าท์มอย โดย นายพริษฐ์ และนายภาณุพงศ์ สลับกันเล่าถึงการใช้ชีวิตในเรือนจำ และความผูกพันที่มีต่อแมวที่เลี้ยงในเรือนจำจนต้องขอผู้คุมนำออกมาเลี้ยงต่อที่บ้าน ไฮไลต์ที่สร้างความฮือฮาคือ หัวข้อรักระหว่างรบที่ นายพริษฐ์ ยอมเผยถึงการพบรักในเรือนจำกับแกนนำทะลุฟ้า นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า เยาวชนชายผู้ถูกดำเนินคดีต้องหาวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และคดี ม.112 ซึ่ง นายพริษฐ์ยอมรับว่าพบรักกันระหว่างที่ถูกคุมขังที่เรือนจำธัญบุรี ในคดีชุมนุมหน้า ตชด.ภาค 1 จ.ปทุมธานี จากความประทับใจที่เป็นนักปฏิวัติเหมือนกัน กระทั่งมีการขอเป็นแฟนระหว่างรอขึ้นศาล ที่ศาลอาญาจนคบกันถึงทุกวันนี้

ขณะที่ 2 แกนนำหญิง ได้จับคู่กันเล่าเรื่องราวความลำบากในการใช้ชีวิตในเรือนจำ และสภาพจิตใจหลังได้รับอิสรภาพ น.ส.ปนัสยา ระบุว่า ตอนนี้ไม่ได้ออกจากบ้านเลยถ้าไม่มีงานหรือมีความจำเป็นจริงๆ จะติดห้อง ติดแมว ติดทุกอย่างที่เป็นโซนของตัวเอง อาจเป็นเรื่องความซึมเศร้าและกำลังศึกษาอยู่ ก็เป็นผลพวงมาจากสิ่งที่เราเจอ และบางอย่างไม่สามารถเอาออกไปได้ แม้แต่เรื่องตัดผมก็ยังติดอยู่ ทุกวันนี้ชอบคิดว่าเมื่อไรผมจะยาวเท่าเดิม ความผิดหวังจากกระบวนการยุติธรรม ความผิดหวังจากสังคม มันกดทับเรา แต่ยังมีใจที่จะสู้ต่อเพราะได้แรงใจกลับมาได้ทุกวันจากเพื่อนๆ เรายังจึงได้อยู่ แต่ขอเวลานอนก่อน จึงรู้สึกว่ายังได้อยู่แต่ขอเวลานอนก่อน

ทางด้าน น.ส.เบนจา กล่าวว่า ยังคงชอบอยู่ในห้องยังไม่พร้อมที่จะออกไปข้างนอก เน้นเรื่องเรียน ทำอะไรที่ไม่ได้ทำช่วงก่อนหน้า และแบ่งเวลาให้กับตัวเอง ตอบไม่ได้ว่าจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ทุกวันนี้ยังรู้สึกว่ายังต้องตามหาตัวเองอีกพัก คิดว่าช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน.