ไทม์ไลน์จอดป้ายเรือเหล็กยังคลุมเครือ พี่น้อง 2 ป. พูดคนละทาง ระหว่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
คนหนึ่งส่งซิกพรรคเล็ก ยุบสภาหลังปิดฟลอร์ประชุมเจ้าภาพเอเปก กลางเดือน พ.ย. และจัดเลือกตั้งช่วงปีใหม่ เดือน ม.ค.2566 เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน แต่อีกคนบอกจะตัดสินใจเอง เมื่อถึงเวลาเหมาะสม
เงื่อนเวลายุบสภา ยังเป็นปุจฉาให้ตีความ เพราะ “คนยุบไม่ได้พูด คนพูดไม่ได้ยุบ”
ชาวบ้านฟังดูอาจสับสน แต่นักเลือกตั้งได้ยินแล้วไม่ได้หูผึ่ง เพราะปฏิทินหย่อนบัตรเลือกตั้งปีใหม่ ต่างกันไม่เท่าไรกับอายุรัฐบาลที่จะครบเทอม 4 ปี ในเดือน มี.ค.2566

ห่างกันแค่ 2 เดือน ไม่ได้มีความหมายพิเศษให้ตื่นเต้นอะไรมากมาย แต่ช่วยส่งสัญญาณเตือนพวกที่คิดเปลี่ยนโปรย้ายค่าย ต้องรีบขยับหาที่ลงหลักปักฐานใหม่
ที่วุ่นสุด ก็ประชาธิปัตย์เลือดไหลกระฉูด ลูกพรรควิ่งโร่หนีไปตายเอาดาบหน้า นำทีมโดย “เสี่ยโต” อภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทุนใหญ่ประชาธิปัตย์ หนีไปเป็นกระเป๋าตังค์ให้พรรคพลังประชารัฐ
...
ตามติดๆด้วย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ลูกเลี้ยง “ลุงกำนัน” ก็ย้ายสำมะโนครัวออกจากค่ายพระแม่ธรณี ล่าสุดก็ “ไพร พัฒโน” อดีต ส.ส.สงขลา และอดีตนายกเทศบาลนครหาดใหญ่ ขอแยกทางทิ้งบ้านหลังเดิม
เลือดไหลออกประชาธิปัตย์กำเริบ พวกมีแสงและหมดแสง หาที่ปักหมุดใหม่พัลวัน เพราะประเมินแล้วอนาคตพรรคคงรุ่งริ่งในสนามเลือกตั้งรอบหน้า
ตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยเร่งเครื่องเปิดแคมเปญ “ครอบครัวเพื่อไทย” ส่ง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาว “ลุงโทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เมืองหลวงอีสานเพื่อไทย
เชิญชวนชาวบ้านมาสมัครสมาชิกพรรค ร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน แฝงการหยั่งกระแส ส่งลูกสาวคนเล็กตระกูลชินวัตร เป็นทายาทการเมือง คั่วแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย
เพื่อไทยปูพรมขยายฐานสมาชิกพรรค วาดหวังทำแลนด์สไลด์ทวงคืนความยิ่งใหญ่ทางการเมือง
ขณะที่พรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ขยับเปิดตัวคณะกรรมการบริหารพรรค ชุดปฐมฤกษ์ แต่งตั้ง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรค มี “ผู้กองนัส” เป็นเลขาธิการพรรค
ประกาศสโลแกน “มั่นคง มั่งคั่ง ทั้งแผ่นดิน” เสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่สังเวียนเลือกตั้งรอบหน้า
การเมืองฝุ่นตลบ แม้ไทม์ไลน์ยุบสภายังไม่ชัวร์ กลุ่มก๊วนการเมืองต้องเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ พร้อมรับเหตุฉุกเฉินที่ไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อใด บ้างก็จัดทัพเร่งโต บ้างก็ทางหนีทีไล่หาค่ายใหม่
แม้กระทั่งระดับ “บิ๊กป้อม–บิ๊กตู่” ที่ขยันออกแอ็กชันกอดคอกลมเกลียว ยืนยันสัมพันธ์พี่น้องยังแน่นแฟ้น ไม่มีแยกทาง ยังต้องเตรียมหาลู่ทางสร้างอาณานิคมของใครของมัน
ร่องรอยฟ้องชัดพี่น้อง 2 ป.อยากแยกกันเป็นใหญ่ เติบโตทางใครทางมัน
ฝั่ง “บิ๊กป้อม” ขึงขังอยากยึดค่ายพลังประชารัฐ นัดประชุมใหญ่พรรควันที่ 3 เม.ย.นี้ เพิ่มตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคที่ยังว่างอีก 4 เก้าอี้

แนวโน้มเติมคนฝ่ายตัวเองเข้าเป็นเสียงข้างมาก กุมอำนาจบริหารพรรคเบ็ดเสร็จ แถมได้คนกระเป๋าหนักระดับ “เสี่ยโต” ที่เข้านอกออกในมูลนิธิป่ารอยต่อ ร่วมเป็นทีมงานดูแลโซน กทม.
บารมี “บิ๊กป้อม” แน่นทั้งขุมกำลังในพรรคพลังประชารัฐและพรรคเล็ก เสบียงกรังอุดมสมบูรณ์
ขาอีกข้างก็เหยียบไว้กับพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กองนัส” ในฐานะพรรคสาขา เป็นกำลังเสริมไว้อีกทาง
ขณะที่ฝ่าย “ลุงตู่” ดูเหมือนรู้ชะตากรรม ถูกตีกันห้ามแชร์ส่วนแบ่ง อำนาจในพรรค ก็เตรียมแผนสำรอง ส่งคนไปตั้งพรรค “รวมไทยสร้างชาติ” หากหมดที่ยืนในพลังประชารัฐ
ค่ายใหม่ก่อร่างสร้างตัว โดยมีชื่อ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค และอยู่ในบัญชีนายกฯของพรรค ตีคู่ไปกับชื่อของ “ลุงตู่” เพียงแต่เจ้าตัวยังอ้อมแอ้มไม่กล้าพูดเต็มปากเต็มคำ
สแกนดูไพร่พลค่ายใหม่ ขุมกำลังหลักล้วนบริวารทีม กปปส. เป็นนั่งร้านพา “บิ๊กตู่” กลับมาเป็นนายกฯรอบสาม
อาการขบเหลี่ยมพี่น้อง 2 ป. ขยายวง ส่อแยกค่ายทางใครทางมัน จังหวะหวาดเสียวเฉพาะหน้า ที่ต้องลุ้นกันในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีรายการเจาะยาง “บิ๊กตู่” เกิดขึ้นหรือไม่
ในภาวะที่ผู้นำเองไม่มีหลักประกันความชัวร์ในการกุมสภาพเสียงข้างมากในสภา โดยเฉพาะพรรคเล็กที่เป็นตัวแปรสำคัญตัดสินชะตากรรม พล.อ.ประยุทธ์ ล้วนอยู่ในการคอนโทรลของ “บิ๊กป้อม” และ “ผู้กองนัส”
จะวัดแค่ฉากชื่นมื่น โอบกอดบนโต๊ะอาหารของพี่น้อง 2 ป. คงการันตีไม่ได้ “เลือดจะข้นกว่าน้ำจริงหรือไม่”.
ทีมข่าวการเมือง