“อนุทิน” เผย จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ไปแล้วหลายร้อยล้านเม็ด ยันได้ผลดีกับผู้ป่วยโควิด-19 เมิน “ศรีสุวรรณ” ฟ้องเป็นอาชีพ ด้านกรมการแพทย์เผยเกณฑ์ให้ยาโมลนูพิราเวียร์

วันที่ 18 มี.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีญี่ปุ่นเลิกทดลองใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) ในการรักษาโควิด-19 รวมทั้งมีแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ออกมาสนับสนุนให้เลิกใช้ โดยให้ใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) แทน ว่า ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข พบยาฟาวิพิราเวียร์ยังใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ผลมาตลอด ไม่ใช่เพิ่งได้ผล มีการจ่ายยานี้แก่คนไทยจำนวนหลักร้อยล้านเม็ดแล้ว คนไข้ก็หายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในสรรพคุณของยา เราไม่ได้ใช้ยาด้วยการตัดสินใจของแพทย์แต่ละคน ทุกครั้งที่มีการใช้ยาจะมีคณะกรรมการที่กำกับการดูแลการใช้ยาให้แก่คนไข้ มีการประชุมทางวิชาการ มีการยืนยันการใช้ยาว่ามีประสิทธิภาพ ยาออกฤทธิ์ตามสรรพคุณที่กำหนดไว้ โดยเฉพาะมีการรักษาคนไข้ที่ติดเชื้อโควิดจนถึงทุกวันนี้ก็ยังใช้ยาฟาวิพิราเวียร์เป็นยายืนพื้น

...

จากนั้นผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นฟ้องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ฐานใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบ ผลักดันการจัดซื้อยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มไม่หยุดหย่อน ทั้งที่ประเทศผู้ผลิตยังไม่อนุมัติให้ใช้ เนื่องจากอาจไม่ปลอดภัยนั้น นายอนุทิน ตอบว่า ก็แล้วแต่ เป็นอาชีพเขา ไม่มีอะไรต้องชี้แจง ถ้าจะชี้แจงก็ตามข้อเท็จจริง เรื่องการจัดซื้อจัดหายาเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขอยู่แล้ว มีผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน ดูทุกมิติปรับมาตรการไม่ตรวจเชื้อก่อนเข้าไทย

เมื่อถามถึงการปรับมาตรการให้ผู้เดินทางเข้าประเทศไม่ต้องตรวจหาเชื้อก่อนเดินทาง ขณะที่ประเทศไทยยังมีการติดเชื้อสูง นายอนุทินกล่าวว่า เราก็ต้องดูว่าการติดเชื้อเมื่อเทียบกับการรักษาพยาบาล คุณภาพการให้การดูแลคนไข้ จำนวนผู้เสียชีวิต เราดูในทุกมิติและพยายามบริหารจัดการสถานการณ์ให้เกิดผลกระทบในทุกมิติน้อยที่สุด ฉีดวัคซีนกันให้เยอะให้ครบ อย่าปฏิเสธวัคซีน ยิ่งฉีดเข็ม 4 ได้จะยิ่งเสริมสร้างความปลอดภัย คนที่ยังไม่ได้ฉีด อยู่ในบ้านก็ต้องช่วยกันขอให้มาฉีดวัคซีน หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท หรือคนหมู่มาก หลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะร่วมกัน ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ก็จะลดความเสี่ยงการติดเชื้อโควิดได้

ทางด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังรับมอบยาโมลนูพิราเวียร์ 2 ล้านแคปซูล หรือ 50,000 คอร์สรักษา จาก บริษัท เอ็มเอสดี ว่า จะส่งมอบยาให้บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด เป็นผู้กระจายยา โดยปริมาณยาที่กระจายเบื้องต้น คือ 1 ใน 3 ของยาทั้งหมด ให้โรงพยาบาลศูนย์เป็นผู้ดำเนินการรับผิดชอบและจ่ายยาในผู้ป่วย แต่เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากคาดว่าเพียง 1 สัปดาห์ ยาก็คงหมด

สำหรับการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเน้นในคนสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และกลุ่มโรคเรื้อรัง 7 โรค ไม่จ่ายยาให้กับหญิงตั้งครรภ์ และคนที่มีปริมาณเม็ดเลือดขาวต่ำ ซึ่งตลอดการจากยาจะมีการติดตามคนไข้ และร่วมกับการศึกษาวิจัยผลการใช้ยา คาดว่าสัดส่วนของยาโมลนูพิราเวียร์ที่จะกระจายส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ กทม. เนื่องจากมีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุด โดยยาโมลนูพิราเวียร์จะต้องทานติดต่อกัน 5 วัน วันละ 8 เม็ด แบ่งเป็นเช้า 4 เม็ด และเย็น 4 เม็ด รวม 40 เม็ด อายุของยามีระยะเวลา 1 ปีครึ่ง

ในส่วนเกณฑ์การจ่ายยาเป็นดุลยพินิจของแพทย์ เกณฑ์คือ คนที่รับวัคซีนครบ 3 เข็ม อาการไม่มาก จ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ แต่คนที่รับวัคซีนไม่ครบ อายุ 60 ปีขึ้นไป มีโรคเรื้อรัง อาการเข้าข่ายสีเหลือง ให้จ่ายยาโมลนูพิราเวียร์ เนื่องจากประสิทธิภาพของยาโมลนูพิราเวียร์ ลดอัตราการนอนโรงพยาบาลและเสียชีวิต ขณะที่ยาฟาวิพิราเวียร์ช่วยให้ผู้ป่วยที่ไม่ได้รับยาอื่นมีอาการดีขึ้น โดยมีผลการชี้วัดอย่างชัดเจน ส่วนจะสั่งซื้ออีกหรือไม่ต้องรออีกระยะหนึ่งก่อน และต้องรอมติ ครม. ขณะเดียวกัน การลงนามจัดซื้อยาแพกซ์โลวิด (Paxlovid) 50,000 คอร์ส จะมีในสัปดาห์หน้า

อธิบดีกรมการแพทย์ ยังกล่าวถึงเรื่องปัญหาการครองเตียงของผู้ป่วยด้วยว่า มีความหนาแน่นบางพื้นที่ เช่น ภูเก็ต แต่หลายพื้นที่ยังคล่องตัว.