โฆษกรัฐบาล ป้อง “บิ๊กตู่” กินหรูอยู่สบายแต่บังคับประชาชนเสียสละ จวกกลับ “สงคราม กิจเลิศไพโรจน์” แสร้งทำเป็นโหนกระแส เอาดีใส่ตัวแล้วทำลายผู้อื่น เหน็บ เคยศึกษาก่อนพูดหรือไม่

วันที่ 11 มี.ค. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กินหรูอยู่สบาย แต่บังคับให้ประชาชนเสียสละ ว่า น่าเสียดายที่ นายสงคราม เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และอยู่ในแวดวงการเมืองมามากกว่า 10 ปี แต่กลับไม่เข้าใจโลก ไม่เข้าใจความเป็นจริง ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจการค้าและการเมือง

ทั้งนี้ การที่บอกว่านายกรัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญกับเสียงข้างน้อย การเมืองใช้พวกมากลากไป ทำให้ย้อนอดีตกลับไปหลายสิบปีนั้น นายสงคราม คงเข้าใจผิด เพราะเรื่องเสียงข้างมากหรือน้อยเป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายบริหาร ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนว่าการเมืองเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ดังนั้น การเมืองที่ใช้พวกมากลากไป ไม่สนใจเสียงส่วนน้อย น่าจะใช้กับอดีตพรรคการเมืองที่ นายสงคราม เคยสังกัดเมื่อหลายปีก่อนน่าจะเหมาะสมกว่า 

สำหรับปัญหาราคาน้ำมันและสินค้าแพงนั้น นายสงคราม ก็น่าจะเข้าใจดีว่าเกิดจากอะไร อย่าแสร้งทำเป็นโหนกระแส เอาดีใส่ตัวแล้วทำลายผู้อื่น โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมันที่อ้างว่าแม้ไม่มีสงครามราคาน้ำมันของไทยก็สูงเป็นอันดับต้นๆ ในอาเซียนนั้น ราคาน้ำมันมีปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามากำหนดราคา และถ้ามองว่าสูงจริง ทำไมในสมัยรัฐบาล นายสงคราม ถึงไม่แก้ปัญหาเช่นกัน รถโดยสารสาธารณะวันนี้ นายสงคราม ในฐานะผู้แทนประชาชนเคยนั่งบ้างหรือไม่ อยากให้หยุดสร้างวาทกรรมว่าใครเอาเปรียบใคร ยิ่งในภาวะเช่นนี้ทุกคนต้องร่วมมือกันและมีความเสียสละ

...

“การกู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาทนั้น เป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงวิกฤติที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก ไม่ใช่ภาวะปกติ รัฐบาลเป็นเพียงภาคส่วนเดียวที่มีความสามารถในการดำเนินการ เพราะภาคเอกชนหยุดชะงัก ทั้งหมดก็เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูธุรกิจผ่านมาตรการต่างๆ ซึ่งรัฐบาลชี้แจงแล้วหลายครั้ง นายสงคราม ไปอยู่ไหนมา นอกจากนี้ในอดีตก็เคยมีการกู้เงินเพื่อรับมือสถานการณ์วิกฤติ เช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 หรือวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ ปี 2552 นายสงคราม เคยศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อนพูดหรือไม่”.