“ศรีสุวรรณ” ยื่นร้อง กกต. สอบสวน กรณีเฟซบุ๊กใช้ชื่อ “พล.อ.วิชญ์” โพสต์จ่อย้ายเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ส่อฝ่าฝืน ม.29 พ.ร.ป.พรรคการเมือง เข้าข่ายชี้นำหรือครอบงำพรรคหรือไม่

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.พ. 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย กรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก อาน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา โพสต์ข้อความในลักษณะที่ว่าขอลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจะไปเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย เข้าข่ายเป็นการชี้นำหรือครอบงำพรรคเศรษฐกิจไทยหรือไม่

เนื่องจากการที่บุคคลใดจะเข้าไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคใดได้นั้น ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับพรรคนั้นๆ นั่นคือต้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคเสียก่อน แล้วให้ที่ประชุมใหญ่ของพรรคทำการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคหรือหัวหน้าพรรค จึงจะสามารถออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่าเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้นๆ ได้ ซึ่งพรรคเศรษฐกิจไทยก็มีข้อบังคับในลักษณะเช่นนั้น โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองได้ให้การรับรองข้อบังคับไว้เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2563

ทั้งนี้ การที่ พล.อ.วิชญ์ ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ผมกราบขออนุญาตท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพี่น้องประชาชน ทำการลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เพื่อรับหน้าที่หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย สานต่อนโยบายของพี่ป้อมผู้ซึ่งผมรักเคารพตลอดมาและตลอดไป” นั้น จึงอาจจะเป็นการชี้นำหรือครอบงำพรรคหรือสมาชิกพรรคดังกล่าวได้ อันเป็นการฝ่าฝืนหรือขัดต่อ มาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 โดยตรง

แม้ต่อมาแอดมินเพจจะออกมาปฏิเสธว่า พล.อ.วิชญ์ ไม่ได้รู้เห็นต่อข้อความดังกล่าวและได้ลบโพสต์ออกไปแล้ว แต่คำอธิบายมิอาจรับฟังได้ เนื่องจากขัดต่อวิสัยของปุถุชนทั่วไป ซึ่งแม้เจ้าของเพจจะมีแอดมินคอยดูแลให้ แต่ก็ต้องขออนุญาตหรือขอความเห็นชอบจากเจ้าของเพจเสียก่อนที่จะโพสต์ข้อความหรือรูปภาพใดๆ ลงไป เพราะมิเช่นนั้นก็อาจนำมาซึ่งความเดือดร้อนต่อเจ้าของเพจ เพราะอาจจะเสี่ยงผิด ป.อาญา ฐานหมิ่นประมาท หรืออาจมีความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมได้

...

นายศรีสุวรรณ ระบุต่อไปว่า เรื่องนี้อาจพิสูจน์ได้ไม่ยาก คือ ถ้าพรรคเศรษฐกิจไทยมีการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรคชุดใหม่ในเร็วๆ นี้ หาก พล.อ.วิชญ์ ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นหัวหน้าพรรค ก็แสดงให้เห็นโดยชัดว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการเมืองในการชี้นำสมาชิกพรรคเศรษฐกิจไทยเพื่อหวังผลในอนาคต แต่ถ้าไม่ได้เป็นก็เชื่อได้ว่าโพสต์นั้นผิดหลงจริง

กรณีเยี่ยงนี้สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงต้องนำความพร้อมพยานหลักฐานมาร้องเรียนต่อ กกต. เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวน และวินิจฉัย สร้างบรรทัดฐานทางการเมืองว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 29 แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง หรือไม่ และการที่แอดมินเพจออกมาภาคเสธนั้นมีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้หรือไม่.