โฆษกรัฐบาล เผยคืบหน้าคนละครึ่งเฟส 4 มียอดใช้จ่ายสะสม 7 พันล้าน คาดช่วง 3 เดือนนี้เพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้เกือบ 7 หมื่นล้าน เตือนร้านค้า-ประชาชนทำตามเงื่อนไข มีผู้โดนระงับสิทธิ์แล้ว

วันที่ 6 ก.พ. 2565 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่เปิดให้ประชาชนใช้จ่ายวันแรกตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา 

ความคืบหน้าการใช้จ่ายล่าสุด (ข้อมูล วันที่ 4 ก.พ. 2565) มีผู้ใช้สิทธิ์ทุกโครงการรวม 24.99 ล้านราย และมียอดใช้จ่ายรวมทั้งหมด 8,886.93 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้ 

1. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 15.88 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 7,084.1 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 3,584.4 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 3,499.7 ล้านบาท 

2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 8.54 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,691.26 ล้านบาท

3. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2 มีผู้ใช้สิทธิ์สะสม 0.57 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 111.57 ล้านบาท
 
โฆษกรัฐบาล กล่าวเพิ่มเติมถึงโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ว่า เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานรากอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ ลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน ซึ่งขณะนี้ กระทรวงการคลังตรวจสอบพบหลักฐานผู้ประกอบการกระทำความผิดเงื่อนไขโครงการในลักษณะไม่มีการซื้อขายสินค้าหรือบริการจริง จึงมีการระงับสิทธิ์ผู้ประกอบการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และจะเข้าสู่กระบวนการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป 

...

ดังนั้น ขอให้ประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 และอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่างๆ ของผู้ไม่หวังดีที่เสนอจะช่วยหาประโยชน์จากโครงการโดยไม่ได้ทำการซื้อขายสินค้าหรือบริการจริงอย่างเด็ดขาด เพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิด ด้วย
 
“โครงการคนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก ไม่ได้มีลักษณะของการแจกเงิน แต่เป็นการสนับสนุนให้ประชาชนส่งต่อกำลังซื้อไปยังผู้ประกอบการรายย่อย ให้สามารถมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง ฝากเตือนประชาชน ร้านค้า ใช้จ่ายโครงการตามที่กำหนดไว้ ภาครัฐมีระบบการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพบการกระทำความผิดจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้อีก และมีโทษตามกฎหมายด้วย ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งเฟส 4 ใช้จ่ายได้ 3 เดือน สิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย.นี้ จะสามารถเพิ่มเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกเกือบ 7 หมื่นล้านบาท”.