"กรณ์-อรรถวิชช์" ร่วมหนุน คณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ชี้ อยากลดความขัดแย้ง ต้องยกเลิกมาตราดังกล่าว มีไว้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อหลักปฏิบัตินิยม มองเสี่ยงทำลายประชาธิปไตย
วันที่ 3 ก.พ. 2565 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร แกนนำคณะรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญ ม.272 พร้อมคณะ เข้าเชิญชวนนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ร่วมลงชื่อสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ม.272 ตัดอำนาจ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี
โดยนายสมชัย กล่าวว่า ขณะนี้รวบรวมรายชื่อผู้สนับสนุนได้เกือบ 80,000 รายชื่อแล้ว โดยจะส่งรายชื่อผู้สนับสนุน 70,000 รายชื่อแรก ให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจความถูกต้อง เพื่อบรรจุในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยประชุมหน้า 22 พ.ค. 2565 โดยจะเปิดให้ลงชื่อต่อไปจนกว่าสภาฯ จะมีการพิจารณาวาระนี้ พร้อมมอบป้าย QR Code เพื่อลงชื่อสนับสนุนและเสื้อยืดรณรงค์ให้นายกรณ์ เพื่อให้พรรคได้เชิญชวนประชาชนร่วมสนับสนุนผ่านทางช่องทางการสื่อสารของพรรค
นายกรณ์ กล่าวว่า ยินดีร่วมสนับสนุน เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญในการแสดงหลักความถูกต้องของกฎหมายบ้านเมือง ทำให้คนไว้วางใจร่วมลงชื่อสนับสนุนจำนวนมาก ซึ่งตนเองเคยแสดงความคิดเห็นตั้งแต่ก่อนเริ่มลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2560 และการรณรงค์เรื่องนี้สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งพรรค หากมองตามหลักปฏิบัตินิยม มาตรานี้ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบาลต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แม้มีเสียง ส.ว.สนับสนุน แต่หากไม่มีเสียงข้างมากในสภาฯ รัฐบาลก็ทำงานไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล โดยเฉพาะการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ และการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี และยังเกิดข้อครหาความไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นเงื่อนไขที่ทำให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองโดยไม่จำเป็น ดังนั้นการจะลดเงื่อนไขความขัดแย้ง ต้องยกเลิกมาตรา 272
...
โดยพรรคกล้าพยายามเสนอให้มีการพิจารณาแก้มาตรานี้ในสภา แต่ไม่มีพรรคการเมืองสนับสนุน และเลือกแก้ไขเฉพาะระบบเลือกตั้ง เปลี่ยนจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร 2 ใบ จึงอยากสนับสนุนให้แก้ไขมาตรานี้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อลดข้อครหาและความขัดแย้ง
“ถ้ามีการเลือกตั้ง และมีความพยายามที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย มี ส.ว.สนับสนุนวุ่นวายแน่นอน อยากให้ลองจินตนาการว่า สมมติมีพรรคการเมืองรวมตัวกันได้แค่ 200 เสียง และมีพรรคการเมืองอีกฝั่งหนึ่งรวมตัวกันได้ 300 เสียง แล้ว 200 เสียงร่วมกับ 250 เสียงของ ส.ว. ดันทุรังตั้งรัฐบาล บ้านเมืองไม่มีทางสงบได้ ดังนั้นผมจึงกลับมาที่หลักปฏิบัตินิยมว่า ในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ และไม่ควรที่จะเป็น สมมติหากไม่มีสถานการณ์นั้น ก็คือมีเสียงข้างมากในสภาล่างก็จบอยู่ดี โดยไม่จำเป็นต้องมีมาตรา 272 ดังนั้นจึงไม่ควรต้องมีมาตรา 272”
นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรา 272 มีไว้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อหลักปฏิบัตินิยม มองว่าเสี่ยงทำลายประชาธิปไตย หากยังดันทุรังต่อไป แม้จะสามารถตั้งรัฐบาลได้ แต่หากถึงเวลาโหวตในประเด็นสำคัญ ก็มานั่งแจกกล้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เสี่ยงต่อการทำลายระบอบประชาธิปไตย.