ศบค. รายงานโควิดวันนี้ 3 ก.พ. 65 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ทะลุ 9,000 ราย เสียชีวิต 21 ศพ ผลตรวจ ATK บวกอีก 4,012 ราย ศบค.ชุดใหญ่ เตรียมพิจารณาผ่อนคลาย หวังประชาชนดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด

เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 3 ก.พ. 2565 แพทย์หญิงอภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากปรับลดการแถลงเหลือ 2 วัน คือวันจันทร์และวันพฤหัสบดี มีรายละเอียดดังนี้

  • ติดเชื้อในประเทศ 8,889 ราย
  • ติดเชื้อในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 61 ราย
  • ติดเชื้อจากต่างประเทศ 222 ราย
  • รักษาหายเพิ่มขึ้น 7,832 ราย
  • หายป่วยสะสม 2,359,082 ราย (ตั้งแต่ปี 2563)
  • อยู่ระหว่างรักษาตัว 84,413 ราย แบ่งเป็นในโรงพยาบาล 42,115 ราย โรงพยาบาลสนามและอื่นๆ 42,298 ราย ในจำนวนนี้มีอาการหนัก 517 ราย ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ 107 ราย
  • มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 21 ศพ ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 22,228 ศพ (ตั้งแต่ปี 2563)
  • ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,465,723 ราย นับเป็นรายที่ 2,456,552 - 2,465,723
  • ประเทศไทยคงอันดับที่ 30 ของโลก


สำหรับผู้ติดเชื้อ 9,172 รายใหม่ แบ่งเป็นดังนี้

  • ผู้ป่วยรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 8,855 ราย
  • ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 34 ราย
  • เรือนจำ/ที่ต้องขัง 61 ราย
  • ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 222 ราย

...

ส่วนผู้ติดเชื้อรายจังหวัดมากที่สุด 5 จังหวัดประจำวันนี้ อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร 1,432 ราย รองลงมา สมุทรปราการ 854 ราย ชลบุรี 399 ราย ภูเก็ต 395 ราย และนนทบุรี 324 ราย

สำหรับยอดการตรวจ ATK รายงาน ณ วันที่ 3 ก.พ. 2565 เวลา 07.26 น. ตามข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบติดเชื้อเข้าข่าย หรือ ATK เป็นบวกอีก 4,012 ราย ส่วนยอดผลบวกสะสมอยู่ที่ 446,811 ราย ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมในการรายงานยอดผู้ติดเชื้อใหม่ซึ่งยืนยันผลด้วย RT-PCR

แพทย์หญิงอภิสมัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในสัปดาห์หน้าจะครบการที่ ศบค.ชุดใหญ่ จะพิจารณาทิศทางของการผ่อนคลาย หรือการกำหนดมาตรการต่างๆ ส่วนสัปดาห์นี้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงจะเก็บข้อมูลนำเข้ามาวิเคราะห์เพื่อเป็นแนวทางในการเสนอ ศบค.ชุดใหญ่ ถึงแม้วันนี้ผู้ติดเชื้อยังมากกว่า 9,000 ราย อาจจะทำให้หลายคนมีความเป็นห่วง แต่ ศบค.ชุดใหญ่ จะพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยที่ประเทศชาติและประชาชนต้องปลอดภัย รวมทั้งกิจการกิจกรรมก็สามารถที่จะผ่อนคลายให้ประชาชนดำเนินชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด

พร้อมกันนี้ มีข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มีความเป็นห่วงเพราะหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมากเกินไป และตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเกิน 90 ล้านรายแล้ว เป็นตัวเลขที่สูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งปี 2563 จึงไม่ค่อยเห็นด้วยกับการผ่อนคลายมากเกินไป ยกเลิกมาตรการสาธารณสุขที่จำเป็นหลายอย่าง นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังเปิดเผยสัดส่วนผู้ติดเชื้อโอมิครอนอยู่ที่ 99.9% แล้ว ที่เหลือ 0.01% เป็นสายพันธุ์เดลตา และหลายๆ ประเทศก็มีการติดเชื้ออย่างก้าวกระโดด ต้องเฝ้าระวังการเสียชีวิตที่จะมากขึ้นด้วย ดังนั้น การฉีดวัคซีนเข็ม 3 หรือเข็มกระตุ้นยังมีความจำเป็น.