แพ้แบบ “แลนด์สไลด์” 3 ไฟต์ 3 แมตช์ติดๆกัน มันเป็นอะไรที่ไม่ต้องเสียเวลาหาเหตุมา “แก้ลำ” สาธยาย ทีมอำนาจทหารเฒ่า 3 ป. ต้องยอมรับโดยปริยาย ผล “คะแนนดิบ” จากสนามเลือกตั้งซ่อมจากปักษ์ใต้ ต่อเนื่องกับตัวเลขชัดๆล่าสุดจากสนาม “ปราบเซียน” เขตหลักสี่ กทม.มันแจ่มแจ้งแดงแจ๋ ยิ่งกว่า “โพลไอโอ”
แต้มโชว์เลยว่ายี่ห้อ “พลังประชารัฐ” เป็นสินค้าขายไม่ออกแล้ว แนวโน้มยังลากโยงไปถึงชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ที่เคยเป็น “นายกวัก” เรียกกองเชียร์ ถึงตรงนี้เรตติ้งหล่นวูบไปอยู่แทบ “ตาตุ่ม”
ต้องจัดอยู่ในโซน “เลหลัง” ยังไม่รู้จะขายได้หรือไม่ ในมุมของโคตรเซียนการเมืองฟันธง วงการพนันตั้งอัตราเดิมพัน “เลือกตั้งใหญ่รอบหน้า” แบบแทง 1 จ่าย 5 หรืออาจไหลไปถึง 10 ชื่อ “บิ๊กตู่” เสื่อมมนต์ขลัง ยี่ห้อพลังประชารัฐ “พลังหดหาย”
พ่ายหมดรูป หล่นไปอยู่โซนกลางถึงท้ายตารางแน่นอน ตามสภาพการณ์ที่โดนคนเมืองหลวง “สั่งสอน” สะท้อนผ่านคะแนนของ “มาดามหลี” นางสรัลรัศมิ์ หลังบ้านของนายสิระ เจนจาคะ มวยของค่ายพลังประชารัฐ แพ้แบบหลุดลุ่ย คะแนนรูดไปอันดับสี่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในมุมของนักวิเคราะห์การเมืองที่อ่านสถานการณ์จากการจำแนกคะแนนผลการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ ภายใต้ชัยชนะของนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากค่ายเพื่อไทย ที่มาทวงแชมป์คืนได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวของนายสุรชาติเองที่เกาะติดพื้นที่
ด้วยความเป็นลูกชาย “ป๋าเหนาะ” นายเสนาะ เทียนทอง นักการเมืองจอมเก๋า เลยซึมซับ ธรรมชาติความเป็นผู้แทนต่างจังหวัด ขยันทำงานเข้าตาชาวบ้าน แม้ตอนสอบตกก็ยังไม่ทิ้งฐานเสียง นี่คือจุดเด่น
...
มันยังไม่ชัดเจนแบบที่ค่ายดูไบ “เล่นใหญ่” เหลี่ยมที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค เพื่อไทย ตั้งโต๊ะแถลง “เคลม” เป็นชัยชนะของฟากฝั่งประชาธิปไตย
สัญญาณนำร่อง “แลนด์สไลด์” ของยี่ห้อ “ทักษิณ” อารมณ์เดียวกับพรรคกล้าที่นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เข้าป้ายอันดับสาม ด้วยแต้มหลัก 2 หมื่น ทำให้นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค ตีปี๊บโหมโรง สามารถ “ปักธง” ต้นกล้า การเมืองแนวใหม่เกิดแล้ว
ทั้งๆที่คะแนนของนายอรรถวิชช์แทบทั้งหมดที่ตีกินเสี้ยวหนึ่งของเขตจตุจักร มันมาจากฐานของพรรคประชาธิปัตย์ อดีตต้นสังกัดเก่า ที่ยอมแพ้บาย ไม่ลงแข่งรอบนี้
เทียบกับ “ของจริง” เลยที่มาจากกระแสเพียวๆนั่นคือคะแนนของทีมเด็กก้าวไกล ที่ผู้สมัครหน้าใหม่ถอดด้ามอย่าง “เพชร กรุณพล” เข้าป้ายเป็นอันดับสอง แต้มขึ้นหลัก 2 หมื่นกว่า ไม่ตกจากมาตรฐาน
กวาดคะแนนของ “เจน Z” เด็กรุ่นใหม่อายุ 18 ปีได้ตามฟอร์ม ทั้งหมดทั้งปวงผลจากศึกเลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม.เขตหลักสี่ กทม.ที่ส่อเค้านำร่องถึงศึกเลือกตั้งใหญ่รอบต่อไป ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ประเมินกันเบื้องต้น เอาคะแนนของค่ายพลังประชารัฐ รวมกับแต้มของพรรคกล้า แถมด้วยคะแนนของพรรคไทยภักดี
ทีมประกาศหนุน “ประยุทธ์” ได้แต้มรวมกัน 3 หมื่นต้นๆ
ขณะที่ขั้วตรงข้ามอำนาจทหารเฒ่า 3 ป. พรรคเพื่อไทยบวกกับพรรคก้าวไกลไหลไปเกือบ 5 หมื่น ห่างกันเกือบช่วงตัว ตามสมการตัวเลขบ่งชี้เงื่อนไขสถานการณ์ กระตุ้นขบวนการต้าน “ทักษิณ-ธนาธร” และอาจรวมไปถึงประชาชนในโซนกลางๆที่ขยาดกลัวการเมืองขั้วขัดแย้งระอุรอบใหม่
วาทกรรม “ไม่เลือกเราเขามาแน่” น่าจะกลับมาเขย่าขวัญกันอีกครั้ง
ในขณะที่ค่ายพลังประชารัฐหมดทางฟื้น ยี่ห้อประชาธิปัตย์ยังฟุบยาวจากภาวะสูญพันธุ์ พรรคกล้ายังไม่แกร่งจริง รวมถึงทีมไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เจ้าแม่เมืองกรุง ก็ยังทับซ้อน กองกำลังแยกกันไม่ออกกับทีมดูไบ
สภาพคนกรุงฯและชนชั้นกลางในหัวเมืองใหญ่ยังไร้ทางเลือก
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ มันจึงไหลไปเข้าทางพรรค “สร้างอนาคตไทย” ยี่ห้อใหม่ป้ายแดง ที่กำลัง “วางตลาด” ปั่นเรตติ้ง ล่าสุดนายอุตตม สาวนายน อดีตขุนคลัง ว่าที่หัวหน้าพรรค นำทีมลงพื้นที่เยาวราช สำรวจกระแส เช็กสถานการณ์เศรษฐกิจช่วงเทศกาลตรุษจีน
ตามคอนเซปต์พรรคที่มุ่งแก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลัก ไม่แบ่งพรรคแบ่งขั้วมั่วเกมการเมือง เบิกฤกษ์เปิดตัวผู้สมัครคนแรกของพรรค ลุ้นปักธงเขตใจกลางเมืองกรุง
ท่ามกลางเสียงอาเฮีย อาซ้อ อาแปะ อาซิ้ม อาม่า ถามหา “จอมยุทธ์กวง” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ มือบริหารเศรษฐกิจ “ตึ้งนั้ง” ผู้มีถิ่นกำเนิดจากตรอกเยาวราช เรียกร้องให้มาช่วยดูเศรษฐกิจ
ตามรูปการณ์ถ้าเปิดตัวกันชัดๆ ชื่อ “สมคิด” ในโพยบัญชี “นายกฯ” ของค่าย “สร้างอนาคตไทย”
นี่แหละ คู่ต่อกรสนาม กทม.ที่สมน้ำสมเนื้อกับค่ายดูไบและทีมก้าวไกล.
ทีมข่าวการเมือง