เพื่อไทย ชี้ นายกฯ เปิดเพลง "อย่ายอมแพ้" ของ "อ้อม" สุนิสา หวังกอดอำนาจ ทั้งท่ีประชาชนเอือมระอา ประสบทุกปัญหา ยอดหนี้เงินกู้ 7 ปี ทะลุ 10 ล้านล้านบาท

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 65 นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลที่เกิดการต่อรองแย่งชิงอำนาจในขณะนี้ ชี้ให้เห็นว่าอำนาจของฝ่ายบริหารกำลังสั่นคลอนอย่างหนักจากความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาลเอง ซึ่งเป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ทำให้ได้รัฐบาลที่อ่อนแอที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี อย่างรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปัญหาที่เป็นผลพวงจากความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐได้ลามมาถึงฝ่ายรัฐสภา ที่เมื่อเกิดการต่อรองไม่เป็นดังหวังจึงทำให้เกิดสภาล่มบ่อยครั้ง ทั้งที่ปัจจุบันมีสารพัดปัญหาทั้งโรคระบาด ทั้งคนตกงาน หนี้ครัวเรือนสูง ความเหลื่อมล้ำ รวยกระจุกจนกระจาย ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขผ่านกระบวนการสภา แต่พลเอกประยุทธ์ทำได้เพียงแค่ร้องเพลง “อย่ายอมแพ้” สร้างความเอือมระอาให้กับประชาชนที่ไม่อาจรับได้ที่เห็นผู้นำยังมีอารมณ์ร้องเพลง แต่ละเลยปัญหา ไม่แยแสความอยู่รอดของประชาชน ปล่อยให้ประเทศเป็นไปตามยถากรรมแบบนี้

นางสาวชญาภา กล่าวต่ออีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี อย่างปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนคนไทยอย่างมาก ที่ผ่านมารัฐบาลยกให้การแก้ปัญหาฝุ่นเป็นวาระแห่งชาติเมื่อ ก.พ. 2562 แต่จวบจนทุกวันนี้ผ่านไปเกือบ 3 ปี ก็ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากการรายงานค่าฝุ่นรายวัน ปล่อยให้ประชาชนเผชิญชะตากรรมกันเอง ตอกย้ำชัดเจนว่ารัฐบาลละเลยการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศมาโดยตลอด แทบทุกเรื่องที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติกลับกลายเป็นวาระแห่งความล้มเหลวซ้ำซาก นอกจากปัญหาดังกล่าว รัฐบาลยังเดินหน้ากู้เงินซ้ำซาก เป็นนายกรัฐมนตรีมา 7 ปีกว่า กู้เงินมาแล้วกว่า 10 ล้านล้านบาท ซ้ำยังไม่มีความสามารถในการลงทุนให้เกิดดอกผลและใช้หนี้ได้

...

“รัฐบาลไม่มีสภาพในการบริหารประเทศ บริหารแบบไม่บริหาร เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดสรรผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัวของพวกพ้อง จนรัฐสภาไม่ใช่ที่พึ่งที่หวังในการแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ใช้เพื่อการต่อรองผลประโยชน์และความอยู่รอดของรัฐบาลเอง แทนที่พลเอกประยุทธ์เปิดเพลง ขออย่ายอมแพ้ ท่านควรยอมถอยออกจากตำแหน่ง และเปิดทางให้ประชาชนได้เลือกผู้นำที่มีความสามารถ มีวุฒิภาวะและความเป็นผู้นำมากกว่านี้” นางสาวชญาภา กล่าว.