ฝ่ายค้าน ถกจบ ชงยื่นเปิดซักฟอกไม่ลงมติ 21 ม.ค.นี้ จัดหนัก 36 ชม. ย้ำปมยุค “ตู่” ของแพงทั้งแผ่นดิน “พิธา” ขย่มซ้ำ ของแพงค่าแรงต่ำ ซ้ำเงินเฟ้อ แขวะ “บิ๊กตู่” ใช้กลยุทธ์ทำคนจนแล้วค่อยแจก
วันที่ 19 ม.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ว่า ที่ประชุมมีมติยื่นญัตติทั่วไปเพื่อขอเปิดอภิปรายแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและเสนอแนะไปยังรัฐบาล โดยเสนอชื่อร่วมกันเป็น 1 ญัตติ ใช้เสียงสมาชิกสภาเพียง 1 ใน 10 ของสมาชิกที่มีอยู่แต่ละพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนเนื้อหาสาระจะเสนอเป็นภาพกว้างในวิกฤติด้านเศรษฐกิจ ได้แก่
1.ปากท้องของประชาชน ปัญหาความเป็นอยู่ในการดำรงชีวิตภาระหนี้สิน เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคแพงทั้งแผ่นดิน 2.โรคโควิดที่ยังระบาดและโรคระบาดอหิวาต์แอฟริกาในสุกร 3.ภาวะวิกฤติทางด้านการเมือง การปฏิรูปการเมืองการกระจายอำนาจความไม่เป็นธรรมในเรื่องสิทธิทางการเมืองต่างๆ 4.ประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องที่เป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในปัจจุบันและกระทบกับการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น กรณีการทุจริตคอร์รัปชันเหมืองทองอัครา เรื่องผลกระทบด้านประมงที่เป็นปัญหาอยู่กับไอยูอยู่ และประมงน่านน้ำ โดยจะยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ในวันที่ 21 ม.ค.นี้ ขณะนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านกำลังดำเนินการในการลงชื่อ

...
“คาดว่าเมื่อตรวจสอบญัตติแล้วเสร็จ น่าจะมีการบรรจุญัตติภายใน 7 วัน หากเป็นไปได้เราปรารถนาจะอภิปรายประมาณกลางเดือน ก.พ. สิ่งที่เราต้องพูดคุยกันคือเรื่องเวลาการอภิปราย พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกับพรรคฝ่ายรัฐบาลว่าจะขอเวลาเป็นชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 36 ชั่วโมง” ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้จะตั้งคำถาม และข้อเสนอแนะเพื่อให้รัฐบาลเปลี่ยนการทำงานจากเชิงรับเป็นเชิงรุก ในช่วงรอยต่อเศรษฐกิจแบบนี้ จากปัญหาโควิด ส่งผลให้เศรษฐกิจถูกดำเนินไปในลักษณะปิดๆ เปิดๆ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถทำงานในเชิงรุกได้ การแก้ไขปัญหาจะทำได้ยากมาก ในช่วงที่ของแพงค่าแรงต่ำในรอบ 5 ปี ที่ผ่าน ค่าแรงจาก 308 บาท เพิ่มเป็น 330 บาท ใช้เวลาภายใน 5 ปี แต่ราคาหมูจาก 160 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 240 บาทต่อกิโลกรัมใช้เวลาเพียงแค่ 1 เดือน ช่วงที่พี่น้องประชาชนยากลำบากของแพงทั้งแผ่นดิน แต่เงินเฟ้อเราเดือนนี้อยู่ที่ 1 เปอร์เซ็นต์กว่า แสดงว่าการทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมาไม่สามารถทำงานไปข้างหน้าได้ เพราะการบริหารแบบเช้าชามเย็นชาม ไม่ได้รับรู้ว่าวิกฤติกำลังจะมาในช่วงเศรษฐกิจโลกกำลังปั่นป่วน มีความจำเป็นที่จะต้องทำงานดักปัญหาข้างหน้าให้ได้ ถึงเวลาที่จะต้องรื้อตะกร้าเงินเฟ้อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง
ขณะที่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ กล่าวเสริมว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เก่งในการสร้างวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยทำให้คนจนลง แล้วค่อยออกนโยบายเกี่ยวกับการแจก ซึ่งรายละเอียดตนมีมากกว่านี้ จะขอนำไปอภิปราย
ส่วนนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย กล่าวว่า จากการบริหารงานของรัฐบาล ทำให้สินค้าแพงไปหมด ยกเว้นเพียงแค่ค่าแรงงานกับยาบ้า ในการอภิปรายครั้งนี้ตนจะฉีกหน้ากาก และคำตระบัดสัตย์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดไว้กับประชาชนแต่ทำไม่ได้