“อดีต หน.กลุ่มประเมิน ศธ.” มองเกณฑ์ประเมิน “เลขาฯ สกสค.” เข้าข่ายไม่เป็นธรรม ระบุ กำหนดเกณฑ์แจ้งคนถูกประเมินให้รู้ก่อนเริ่มงาน โอด ปมขัดแย้ง กระทบครู-บุคลากรฯ นับล้านทั่วประเทศ หวัง นายกฯ ลงมาสางปัญหา 

วันที่ 14 ม.ค. จากกรณีที่ นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร ประธานคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติงานเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ สกสค.) ระบุว่า นายธนพร สมศรี เลขาธิการ สกสค.ไม่ได้ส่งผลการดำเนินงานเพื่อเข้าสู่กระบวนการประเมินผลงานในเวลาที่กำหนดไว้ และได้ทำหนังสือแจ้งต่อ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค. (บอร์ด สกสค.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป โดยคาดว่าจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด สกสค.ในช่วงสัปดาห์หน้านั้น

รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า กรณีดังกล่าวมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในประเด็นเกณฑ์ประเมินที่ไม่เป็นธรรม ระหว่างบอร์ด สกสค. ซึ่ง น.ส.ตรีนุช ยืนกรานว่า เกณฑ์ประเมินที่กำหนดว่า จะต้องผ่านร้อยละ 65 นั้นถือว่าเป็นธรรมแล้ว และเป็นมาตรฐานสากล เพราะเกณฑ์ประเมินของหน่วยงานอื่นๆ จะต้องผ่านการประเมินร้อยละ 80 ด้วยซ้ำ ขณะที่ นายธนพร ซึ่งร้องคัดค้านเกณฑ์ประเมินต่อบอร์ด สกสค. รวมไปถึงร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ด้วยนั้น มองว่า การกำหนดเกณฑ์ประเมิน จะต้องผ่านร้อยละ 65 ทั้งที่หากปฏิบัติงานได้ตามแผนงานประจำปี กรรมการประเมินกลับกำหนดว่า จะได้คะแนนเพียงร้อยละ 60 เท่านั้น ซึ่งถ้าจะทำให้ผ่านต้องทำงานมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ตามแผน แต่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะเกณฑ์นี้ออกมาภายหลังจากทำงานเสร็จสิ้นแล้วนั้น

ด้าน น.ส.อัจฉรา รัตนบุญสิน อดีตหัวหน้ากลุ่มพัฒนาระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเป็นผู้เชี่ยววชาญในกระบวนการประเมินผล การปฏิบัติงานของกระทรวงศึกษาธิการ แสดงความเห็นว่า เท่าที่ติดตามเรื่องนี้เห็นว่า เกณฑ์การประเมินที่บอร์ด สกสค.กำหนดนั้นเข้าข่ายไม่เป็นธรรม เพราะวัตถุประสงค์ของการประเมินผลการปฏิบัติงานที่แท้จริง เพื่อนำผลการประเมินไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่เพื่อมุ่งหวังที่จะประเมินให้ผู้หนึ่งผู้ใดตกการประเมิน และออกจากตำแหน่งแต่อย่างใด

...

น.ส.อัจฉรา ระบุด้วยว่า ประเด็นปัญหาไม่ได้อยู่ที่กำหนดเกณฑ์ประเมินจะต้องผ่านร้อยละ 65 หรือร้อยละ 80 แต่อยู่ที่ว่ามีการแจ้งหลักเกณฑ์ให้ทราบก่อนการทำงานหรือไม่ว่า หากปฏิบัติงานได้ตามแผนได้จะได้คะแนนเท่าใด และหากต้องการผ่านประเมินจะต้องทำให้ได้มากกว่าแผนงานหรือไม่ หรือในความเป็นจริง ถ้าปฏิบัติได้ตามแผนงานก็ควรได้คะแนนเต็มหรือร้อยละ 100 แต่การกำหนดเกณฑ์ว่าถ้าทำงานครบตามแผนแล้วได้เพียงแค่ร้อยละ 60 นั้นคงไม่ถูกต้อง และไม่เคยปรากฏมาก่อนในสมัยที่ตนประเมินผลการปฏิบัติงานตำแหน่งสำคัญต่างๆของกระทรวงศึกษาธิการที่ผ่านมา

“เรื่องนี้ไม่อยู่ที่กำหนดเกณฑ์ผ่านประเมินที่ร้อยละ 65 หรือร้อยละ 80 เพราะถึงจะกำหนดเกณฑ์ผ่านประเมินให้ดูไม่สูงนักที่ร้อยละ 65 แต่ถ้าทำงานได้ครบตามแผนแล้วได้แค่ร้อยละ 60 ก็ไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกประเมิน ที่สำคัญต้องดูด้วยว่า มีการแจ้งให้ทราบก่อนการทำงานจบหรือไม่” แหล่งข่าว ระบุ

แหล่งข่าวใน สกสค.ระบุว่า บุคลากรส่วนใหญ่ของ สกสค.อยากให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะเท่าที่ทราบขณะนี้ กลายเป็นความขัดแย้งระหว่างบอร์ด สกสค. กับเลขาธิการ สกสค. ซึ่งไม่เป็นผลดีกับหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีอยู่มากกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ และที่ผ่านมาบุคลากรของ สกสค.ก็เห็นปัญหาการดำเนินงานว่า หลายแผนงานเกี่ยวกับพัฒนาหน่วยงานด้านต่างๆ ไม่ได้รับการพิจารณาอนุมัติจากบอร์ด สกสค. เพราะวาระประชุมช่วงหลังมีแต่เรื่องการประเมินผลงานของเลขาธิการ สกสค.เท่านั้น

“หวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทางเลขาธิการ สกสค.ไปขอความเป็นธรรมไว้ จะเข้ามาคลี่คลายเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อให้งานของ สกสค.ที่เกี่ยวกับครูและบุคลากรทางการศึกษากว่าล้านชีวิตเดินหน้าไปได้” แหล่งข่าวใน สกสค. ระบุ.