แพทย์หญิงสุมนี เผย ผู้เสียชีวิตจากโควิดวันนี้ 19 ราย ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดส ถึง 15 ราย ยันไทยติดเชื้อเริ่มลดลง ใกล้เป็นโรคประจำถิ่น แต่ยังต้องสวมหน้ากากเวลาออกจากบ้าน
วันที่ 12 ม.ค. 65 ที่ทำเนียบรัฐบาล แพทย์หญิงสุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมีอัตราลดลง เนื่องมาจากการปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ โดยพบว่ามีอัตราการติดเชื้อ 100 ต่อ 1 แสนคน ส่วนความรุนแรงของโรคมีน้อยกว่าระลอกเดือนเมษายน 2564 เนื่องจากประชากรได้รับวัคซีนมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ความรุนแรงของโรคลดลง ซึ่งโควิด-19 มีทิศทางจะเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว แต่โควิดไม่เหมือนโรคอื่นๆ แม้จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น แต่ยังต้องอยู่แบบวิถีใหม่ หรือ New Normal โดยจะต้องใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้านตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่เชื้อ ส่วนที่ไทยยังไม่มีการรายงานผู้เสียชีวิตจากโอมิครอน ดังนั้นเมื่อเทียบความรุนแรงกับเดลตา ยังถือว่าน้อยกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม แพทย์หญิงสุมนี กล่าวเพิ่มเติมว่า หากประชาชนและสถานประกอบการยังเคร่งครัดกัมาตรการ Covid free setting และ Universal Prevention หรือการดูแลตนเองครอบจักรวาล ก็ยังมีหวังว่าภายในปีนี้ โรคโควิด-19 จะเปลี่ยนจากโรคระบาดมาเป็นโรคประจำถิ่น ส่วนการจัดการยังเน้นการตรวจด้วย ATK เป็นหลัก โดยหากจะไปร่วมกิจกรรมกับคนหมู่มาก เช่น เรียนหนังสือ ประชุม สัมมนา ให้คัดกรองด้วย ATK ก่อน หากผลการตรวจเป็นบวกต้องรีบโทรไปที่ 1330 เพื่อเข้าระบบการกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation frist รวมถึงกระตุ้นคนไปฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น เพื่อชะลอการระบาด
...
ขณะที่กลุ่มผู้เสียชีวิต จำนวน 19 ราย พบว่าเป็นชาย 10 ราย หญิง 9 ราย โดยกลุ่มผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มเสี่ยงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จำนวน 12 ราย และมีโรคเรื้อรังถึง 5 ราย มีรายละเอียดออกมาว่าเป็นผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไม่ครบโดส ถึง 15 ราย จาก 19 ราย หรือ 79%
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ประชุมมีความเป็นห่วงในคนกลุ่มนี้มากที่สุด จึงอยากให้มาฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น รวมถึงฉีดเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด.