ปีใหม่ปีเสือ 2565 นี้ นักวิเคราะห์การเมืองหลายคนฟันธงว่า จะเป็นปีแห่งการเลือกตั้ง อาจจะไม่ถึงกับเลือกตั้งใหญ่ เพราะยังไม่ครบวาระ แต่อย่างน้อยก็จะต้องเลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. นายกเมืองพัทยา และเลือกตั้งซ่อม ส.ส. 3 เขต ในสามจังหวัด ได้แก่เขต 6 สงขลา เขต 1 ชุมพร เขต 9 กทม.
การเลือกตั้งซ่อม มักจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเข้มข้น เพราะเลือกตั้งเพียงไม่กี่เขต แต่ละพรรคจึงทุ่มพลังทุกอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ และพิสูจน์คะแนนนิยมของพรรค ที่อาจกระทบถึงการเลือกตั้งใหญ่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลงว่า การหาเสียงที่สงขลาและชุมพร กำลังลุยกันเต็มที่
แต่มีเรื่องที่น่าเป็นห่วง จึงต้องเรียกร้องไปยังผู้บัญชาการทหารบก เพราะมีชุดทหารกว่า 100 คน เข้าไปในพื้นที่เขต 1 ชุมพร มีลักษณะเป็นการกดดันการหาเสียงของพรรค ปชป. โดยเฉพาะ “เสธ.คนดัง” จึงเรียกร้องให้ ผบ.ทบ.ตรวจสอบ ถ้าเป็นจริง ขอให้สั่งชุดทหารกลับเข้ากรมกอง และวางตัวเป็นกลาง
รัฐธรรมนูญระบุว่า กกต.มีอำนาจหน้าที่จัดการเลือกตั้ง “ให้สุจริตและเที่ยงธรรม” ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง และมีพรรคแกนนำรัฐบาลร่วมแข่งขัน จะถูกจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลคุมกลไกข้าราชการ และงบประมาณแผ่นดิน จะมีการใช้เจ้าหน้าที่รัฐ หรือทรัพยากรรัฐ เอื้อการเลือกตั้งพรรครัฐบาลหรือไม่
กฎหมายการเลือกตั้งเขียนไว้ชัดเจน ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 1 ถึง 10 ปี มีโทษปรับต่างหาก และให้เพิกถอนสิทธิ เลือกตั้ง 20 ปี เพราะถือเป็นความผิดร้ายแรง เป็นการโกงเลือกตั้ง
เจ้าหน้าที่รัฐที่เอื้อพรรคใดพรรคหนึ่งในการเลือกตั้ง นอกจากสมควรถูกตรวจสอบและลงโทษทางวินัยแล้ว กกต.ต้องเอาผิดทางอาญา ตามกฎหมายเลือกตั้ง และถ้ามีนักการเมืองชักใยอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือ ส.ส.ต้องร้องให้ ป.ป.ช.ไต่สวน อาจถูกฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
...
ถ้าหากองค์กรอิสระไม่เอาเรื่องเอาราว เพราะเกรงใจรัฐบาลผู้มีส่วนแต่งตั้งองค์กรอิสระ ก็ยังมีทางเลือกอื่นให้เลือก เช่นให้ ส.ส.เข้าชื่อ หรือให้ประชาชนเข้าชื่อ 2 หมื่นคน ร้องต่อประธานรัฐสภา จนถึงศาลฎีกา เพื่อเอาผิดนักการเมืองที่อยู่เบื้องหลังการโกง การเลือกตั้งต้องสุจริตและเที่ยงธรรม.