“ชัชชาติ” นำทีมกลุ่มนักวิ่งไหว้พระ 9 วัด เอาฤกษ์เอาชัยปีใหม่ 2565 พร้อมสำรวจพื้นที่และปัญหา กทม. ชั้นใน มอง เป็นปีที่ไม่ง่าย แต่ถ้าร่วมมือร่วมใจกันจะผ่านไปด้วยกันได้

วันที่ 1 ม.ค. 2565 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมเพื่อนกลุ่มนักวิ่งราว 40 คน ลงพื้นที่วิ่ง City Run 9 วัด เอาฤกษ์เอาชัยต้อนรับปีใหม่ 2565 โดยเริ่มออกวิ่งตั้งแต่เวลา 06.15 น. จุดสตาร์ตที่ Stadium One ถนนพระราม 1 จากนั้นข้ามสะพานกษัตริย์ศึก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนยศเส

ทั้งนี้ นายชัชชาติ นำทีมนักวิ่งถึงวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เป็นวัดแรก ชมตึกสถาปัตยกรรมแบบโกธิคแห่งแรกของไทย ไหว้พระนิรันตรายให้ปลอดภัยตลอดปีใหม่นี้ ถัดมาไปยังวัดที่ 2 วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กราบพระบรมสารีริกธาตุที่ยอดภูเขาทอง จากนั้นไปสู่วัดที่ 3 วัดเทพธิดารามวรวิหาร และวัดที่ 4 วัดราชนัดดารามวรวิหาร ชมโลหะปราสาทแห่งเดียวในไทย

จากนั้นข้ามฝั่งไปใช้เส้นทางถนนพระสุเมรุ ผ่านย่านการค้าเก่าแก่ของกรุงเทพฯ สู่วัดที่ 5 วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดที่มีพระสังฆราชจำพรรษามากที่สุดถึง 4 พระองค์ กราบพระพุทธชินสีห์ โดย นายชัชชาติ ได้แวะพูดคุยกับร้านค้าและประชาชนระหว่างทางด้วย ก่อนจะวิ่งต่อไปบนถนนพระสุเมรุ แวะทานขนมไทยที่บางลำพู จากนั้นเลี้ยวซ้ายลงสู่ถนนจักรพงษ์ เพื่อเข้าสู่วัดที่ 6 วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร อธิษฐานให้เราชนะทั้งสงครามโควิด-19 และสงครามเศรษฐกิจทุกอย่างในปีนี้

...

ต่อมาวิ่งออกสู่ถนนราชดำเนินใน สู่วัดที่ 7 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว กราบพระแก้วมรกต ที่ประตูสวัสดิโสภา จากนั้นเลี้ยวซ้ายสู่ถนนอัษฎางค์ เข้าสู่วัดที่ 8 วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร แล้วใช้เส้นทางถนนราชบพิธ และจบวัดที่ 9 คือ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร เพื่อให้มีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องในปีใหม่ 2565 ก่อนจะถ่ายรูปหมู่ร่วมกันที่เสาชิงช้า ระยะทางรวมประมาณ 10 กิโลเมตร รวมใช้เวลาวิ่งราว 3 ชั่วโมง

นายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ ว่า City Run เป็นเทรนด์สุขภาพของคนกรุงเทพฯ และทั้งประเทศที่ดีมาก เป็นโอกาสได้พบปะเพื่อนร่วมทาง ทั้งเพื่อนขี่จักรยานและเพื่อนนักวิ่ง สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเลยนะในยุคนี้ การวิ่งครั้งนี้เป็นการร่วมวิ่งกับกลุ่มนักวิ่งที่วิ่งร่วมกันเป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนการวิ่งไหว้พระ 9 วัด เพื่อความเป็นสิริมงคล เอาฤกษ์เอาชัยในวันปีใหม่ ซึ่งนอกจากประโยชน์ด้านสุขภาพแล้ว การวิ่งรูปแบบ City Run ในเขตเมืองชั้นในทำให้ได้เห็นปัญหาต่างๆ ของ กทม. ที่ควรได้รับการแก้ไข เพื่อให้เทรนด์ City Run เป็นเรื่องที่ประชาชนทำได้ง่ายและทำได้เป็นกิจวัตร

สำหรับปัญหาเมืองที่ต้องแก้ไข เช่น แยกไฟแดงบางแยก ที่ไม่มีสัญญาณคนข้ามถนน หรือเส้นม้าลายที่จาง เห็นไม่ชัด, ทางเท้าในหลายถนนที่แคบและไม่ราบเรียบ รวมถึงบางจุดมีรากไม้ดันขึ้นมา เป็นอุปสรรคต่อการสัญจรทำให้ประชาชนต้องลงเดินบนถนน, ห้องน้ำสาธารณะที่ต้องสะอาดและมีอย่างเพียงพอ ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นสำหรับการวิ่ง City Run และให้บริการแก่คนทั่วไป ตลอดจนปัญหาคนไร้บ้านซึ่งเพิ่มมากขึ้นในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่วนทางแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนคือการสร้างอาชีพให้คนกลุ่มนี้

อีกทั้งการวิ่งครั้งนี้ ถือเป็นการวิ่ง City Run สำรวจเมืองเชิงวัฒนธรรม พบว่าวัดที่ได้ไป รวมถึงสถาปัตยกรรมอื่นๆ ในเมืองชั้นใน ต่างมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีคุณค่า เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกรุงเทพมหานคร สิ่งเหล่านี้มีคุณค่า และควรหาแนวทางกระตุ้นให้คนในประเทศหันมาท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในปีนี้น่าจะยังลำบากเพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่กลับมา

ส่วนอีกเรื่องที่คิดว่าอยากเพิ่มเติม คือ เรื่องพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากปัจจุบัน กทม. ยังมีพื้นที่สาธารณะไม่มากพอ การเพิ่มพื้นที่สาธารณะที่มีคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญของการบริหารเมือง เพราะเชื่อว่าพื้นที่สาธารณะเป็นหัวใจของเมือง เป็นพื้นที่ให้คนมาปฏิสัมพันธ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เป็นรากฐานสู่การสร้างชุมชนหรือสังคมที่เข้มแข็ง

ในช่วงท้าย นายชัชชาติ กล่าวอวยพรปีใหม่ ว่า “เนื่องในวารดิถีขึ้นปีใหม่ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ให้พวกเรามีความสุขมากๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง พร้อมจะรับมือกับปีใหม่ ซึ่งปีนี้ผมว่าก็จะเป็นปีที่ไม่ง่าย แต่ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน เราก็จะผ่านไปด้วยกัน” จากนั้นร่วมร้องเพลงพรปีใหม่กับคณะนักวิ่งก่อนสิ้นสุดกิจกรรม