ศาล รธน.วินิจฉัยด้วยคะแนน 7-2 ให้ สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พปชร. หลุด ส.ส. ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุเคยต้องคำพิพากษา-ติดคุกคดีฉ้อโกงเมื่อปี 38 จ่อ เลือกตั้งซ่อมเขตหลักสี่ใหม่ ใน 45 วัน
วันที่ 22 ธ.ค. 2564 เมื่อเวลา 15.00 น. องค์คณะศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย กรณี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดของศาลแขวงปทุมวัน ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 กระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยตามมาตรา 82 วรรคสอง และมีคำสั่งยกคำขอให้นายสิระหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ต่อมาผู้ร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาไว้ในสำนวน และให้หน่วยงานและพยานที่เกี่ยวข้องชี้แจงตามที่ศาลกำหนด พร้อมจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม วันนี้นายสิระไม่ได้เดินทางมาศาล แต่ได้มอบหมายให้ นายทิวา การกระสัง ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายสิระ ผู้ถูกร้องมาศาลแทน
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสิระสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) ประกอบมาตรา 101 (6) เนื่องจากข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นายสิระถูกศาลแขวงปทุมวันพิพากษาเมื่อปี 2538 จำคุกจริงจำนวน 4 เดือน และผู้เสียหายไม่เคยยอมความ หรือถอนคำร้องทุกข์คดีอันเป็นเหตุให้ศาลแขวงปทุมวันได้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความภายในระยะเวลาอุทธรณ์ เช่นนี้คำพิพากษาดังกล่าวจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวัน ผู้ถูกร้องจึงเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ กระทำโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา
...
เมื่อผู้ถูกร้องเคยถูกคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ผู้ถูกร้องจึงเป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (10) อันเป็นเหตุให้สมาชิกสภาพ ส.ส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6)
ประเด็นที่ต้องพิจารณาต่อไปมีว่า เมื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายสิระสิ้นสุดลงแล้ว สิ้นสุดลงนับแต่เมื่อใด เห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) บทบัญญัติดังกล่าวเป็นบทบัญญัติว่าด้วยลักษณะต้องห้ามของ ส.ส. ที่ห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.ผู้นั้นสิ้นสุดลงเมื่อมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าว กล่าวคือ ต้องไม่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มิใช่ต้องไม่มีอยู่ในขณะรับเลือกตั้งเท่านั้น แต่ต้องไม่มีตลอดระยะเวลาที่เป็น ส.ส.ด้วย
หาก ส.ส.ผู้นั้นมีเหตุใดเหตุหนึ่งตามที่บัญญัติเป็นลักษณะต้องห้ามเมื่อใด ย่อมต้องทำให้สมาชิกภาพ ส.ส.ผู้นั้นสิ้นสุดลงทันทีที่มีลักษณะต้องห้ามนั้น จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกร้องมีลักษณะต้องห้ามตั้งแต่วันที่ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. คือวันที่ 4 ก.พ. 2562 แล้ว แต่รัฐธรรมนูญมาตรา 100 บัญญัติให้สมาชิกภาพ ส.ส.เริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง เช่นนี้สมาชิกภาพ ส.ส.ของผู้ถูกร้องจึงสิ้นสุดลงนับแต่วันเลือกตั้งคือวันที่ 24 มี.ค. 2562 โดยให้จัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง เห็นว่า นายสิระ มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ต้องพ้นสมาชิกภาพ ส.ส.
โดยให้จัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน
ด้านนายทิวา ทนายเป็นผู้แทน ฟังคำวินิจฉัยของศาล กล่าวภายหลังว่า ขอน้อมรับทุกคำตัดสิน แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ศาลรับฟังคำพยานส่วนบุคคลมากกว่าเอกสารประกอบว่าคดีถึงที่สุด ทั้งที่ไม่มีหนังสือรับรองว่า คดีถึงที่สุดหรือไม่ เมื่อศาลเชื่ออย่างนั้น ก็ต้องเชื่อตาม ส่วนนายสิระ ได้โทรศัพท์มามอบหมายตนให้มาฟังคำวินิจฉัยแทนเมื่อ ตอน 06.00 น. โดยไม่ได้บอกเหตุผล หลังจากนั้น ยังไม่ได้การติดต่อพูดคุยกันอีกเลย แต่ยอมรับว่า นายสิระ มีความกังวลเป็นปกติอยู่แล้วของคนที่โดนคดี
ส่วนเรื่องการเรียกเงินเดือน ส.ส.ย้อนหลังคืนทั้งหมด นายทิวา ระบุว่า ต้องดูที่เจตนาว่า สุจริตหรือไม่ อยู่ที่การตีความของกฎหมาย พร้อมระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมา 28 ปี และรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มาตรา 98 มีผลย้อนหลัง พร้อมตั้งข้อสังเกตให้จับตาดูคำวินิจฉัยคดี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในคดี 8 ปี คสช.ว่า จะใช้บรรทัดฐานเดียวกันหรือไม่ รวมถึงจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ โดยคดีจะมีการวินิจฉัยในเดือนมีนาคมปีหน้า