นพ.วิชาญ แจงยิบรายละเอียดฉีดวัคซีนเข็ม 3 ป้องกันความสบสน แนะ อย่ารีบไปฉีดเอง เพราะห้วงเวลาในการสร้างภูมิคุ้มกันเป็นเรื่องสำคัญ เผยกำลังศึกษาผลข้างเคียงและการส่งผลต่อสุขภาพของคนหายจากโควิด-19

วันที่ 16 ธันวาคม 2564 เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์วิชาญ ปาวัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าว ถึงประเด็นสถานการณ์โควิด-19 และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือเข็ม 3 ว่า เรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเป็นส่วนจำเป็น ส่วนรายละเอียด เป็นดังนี้


ทั้งนี้ เรื่องสูตรและคำแนะนำเข็มกระตุ้น ได้นำเสนอเข้าสู่กระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องการบริหารจัดการเพื่อให้เหมาะสม พร้อมทั้งได้ผ่านความเห็นชอบผ่านทางหลักการและเสนอเป็นนโยบายในการประชุมของ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แล้ว เมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมา และวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมและสั่งการในพื้นที่แล้ว

ส่วนในเดือนมกราคม สำหรับผู้ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน สามารถฉีดได้ทุกสูตร โดยเข็ม 2 จะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ ขณะที่การฉีดเข็มกระตุ้น ผู้ฉีดซิโนแวค-แอสตราเซเนกา จะกระตุ้นด้วย แอสตราเซเนกา เป็นหลัก ส่วนผู้ฉีดแอสตราเซเนกา ครบ 2 เข็ม จะกระตุ้นด้วย ไฟเซอร์ และผู้ที่ฉีดวัคซีนเชื้อตายครบ 2 เข็ม ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไป จะกระตุ้นด้วยแอสตราเซเนกา ส่วนผู้ที่เคยติดเชื้อ ให้ฉีดแอสตราเซเนกา เป็นเข็มกระตุ้น

...

นอกจากนี้ ในเรื่องการแจ้งเตือน ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแจ้งเตือนในระบบหมอพร้อม สำหรับบุคคลที่ครบกำหนดในการฉีดเข็มกระตุ้นแล้ว รวมถึงยังแจ้งไปยังสาธารณสุขท้องถิ่น และ การลงทะเบียนกับสถานพยาบาลใกล้บ้าน และหน่วยอื่นๆ

ส่วนแนวทางการเร่งฉีดวัคซีน ของไทย ได้สั่งให้ทุกจังหวัด จัดบริการฉีดวัคซีนเชิงรุก กับประชากรทุกกลุ่ม ทั้งสัญชาติไทยและต่างชาติ จะมีการติดตามผู้ที่ได้รับการฉีดเข็ม 1 แล้ว ให้เข้ารับเข็ม 2 อีกทั้งจะเน้นไปยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่เข้าถึงยาก และจัดหน่วยบริการฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ เช่น ในพื้นที่ห่างไกลตามหมู่บ้าน หรือตามแนวชายแดน โดยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางสาธารณสุขในพื้นที่ สำนักอนามัย สายด่วนควบคุมโรค 1422 และช่องทางการติดต่อของกรมควบคุมโรคได้ทุกช่องทาง

ขณะเดียวกัน นายแพทย์วิชาญ ยังตอบคำถามสื่อมวลชน เรื่องอาการหลังหายจากโควิด-19 จะมีผลข้างเคียงและส่งผลต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง ว่า เรื่องนี้ทางกรมการแพทย์ และหน่วยงานในเครือข่าย ยังอยู่ในการเก็บข้อมูล หากมีรายละเอียดจะแจ้งอีกครั้ง

ส่วนประเด็นเรื่องคลัสเตอร์หมูกระทะที่อาจจะเป็นคลัสเตอร์ใหม่นั้น ตามหลักการแล้วหมูกระทะไม่ใช่เรื่องเสี่ยง แต่การรับประทานอาหารร่วมกันแบบไม่ระมัดระวัง และไม่ฉีดวัคซีน ถือเป็นความเสี่ยงที่สามารถแพร่ระบาดได้มากกว่า ดังนั้น จึงขอให้ฉีดวัคซีนให้ครบ รวมถึงใช้มาตรการป้องกันตนเอง จะช่วยได้ดีที่สุด ส่วนเรื่องวัคซีนเข็มกระตุ้น ทางกระทรวงสาธารณสุขรีบประสานไปยังแต่ละพื้นที่แล้ว เพื่อลดความสับสน แต่พบว่ามีบางส่วนรีบไปฉีดเอง หากระยะเวลาระหว่างเข็มสั้นเกินไปอาจจะไม่เกิดประโยชน์ หรือการสร้างภูมิคุ้มกันไม่เหมาะสม จึงขอให้ดูเรื่องระยะเวลาเป็นสำคัญ.