ศบค. เดินหน้าเปิดประเทศต่อ เข้มมาตรการสกัดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ชี้ อัตรานักท่องเที่ยวเข้าประเทศติดเชื้อไม่ถึง 1% ขอความร่วมมือผู้ประกอบการทำตามมาตรฐาน หลังยังพบไม่ผ่านเกณฑ์แต่ลอบขายสุรา

วันที่ 1 ธ.ค. 2564 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงในช่วงหนึ่งถึงผลการดำเนินงานการรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 1-30 พ.ย. 2564 มีตัวเลขสะสม 133,061 ราย ในจำนวนนี้พบติดเชื้อ 171 ราย หรือคิดเป็น 0.13% ขณะที่ตัวเลขผู้เดินทางรายใหม่ของวันนี้ 4,475 ราย พบติดเชื้อ 5 ราย

สำหรับ 5 ประเทศที่มีผู้เดินทางเข้าไทยมากที่สุด ได้แก่

  • สหรัฐอเมริกา 14,730 ราย พบติดเชื้อ 21 ราย คิดเป็น 0.14%
  • เยอรมนี 12,099 ราย ติดเชื้อ 13 ราย คิดเป็น 0.11%
  • เนเธอร์แลนด์ 8,478 ราย ติดเชื้อ 7 ราย คิดเป็น 0.08%
  • สหราชอาณาจักร 6,701 ราย ติดเชื้อ 21 ราย คิดเป็น 0.31%
  • รัสเซีย 5,307 ราย ติดเชื้อ 20 ราย คิดเป็น 0.38%

ทั้งนี้ แต่ละประเทศที่เข้ามาพบติดเชื้อไม่ถึง 1% ทำให้เห็นว่ามาตรการดังกล่าวคุ้มค่าที่จะดำเนินการต่อ เพราะเป็นการนำเงินเข้ามาในประเทศ แต่เมื่อมีโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หรือ โอมิครอน (Omicron) ก็ต้องเข้มงวดมาตรการเหมือนเดิม จากที่จะปรับการตรวจไปเป็น ATK ก็ให้คงการตรวจแบบ RT-PCR เพื่อให้มาตรการเข้มที่สุดในการควบคุมโรค

...

นพ.ทวีศิลป์ ยังระบุต่อไปว่า เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการ ศปก.ศบค. ฝากว่า เราต้องการเปิดประเทศ ต้องการให้กิจการกิจกรรมทำได้ในทุกที่ โดยมีมาตรฐาน SHA, SHA+, Thai Stop Covid Plus หรือมาตรฐานอื่นๆ ที่มีออกมา ซึ่ง กทม. ที่เป็นพื้นที่สีฟ้า รายงานข้อมูลว่าวันที่ 1 ธ.ค. มีสถานประกอบการได้ SHA+ แล้ว 1,679 แห่ง ได้มาตรฐาน SHA อีก 9,370 กทม. จากการตรวจกิจการกิจกรรม 10,161 ครั้ง มี SHA 2,609 แห่ง ไม่มี SHA 5,000 กว่าแห่ง และมีขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1,892 แห่ง ไม่มีขาย 6,000 กว่าแห่ง

นอกจากนี้ ยังมีการรายงานด้วยว่ามีการตักเตือน เพราะมีเหตุเรื่องการดื่มสุรา แต่สถานที่นั้นไม่มีสัญลักษณ์ SHA ถึง 172 แห่ง เรียกได้ว่า มาตรฐานตัวเองไม่ถึงแต่แอบขายสุรา จึงขอความร่วมมือ ผู้ประกอบการสมาคมภัตตาคารร้านอาหาร ช่วยดำเนินมาตรการ SHA+ ตามรายละเอียดที่กรมอนามัยของกระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำไว้ และยังมี Thai Stop Covid Plus, Thai Stop Covid 2 Plus เป็นการเพิ่มมาตรการที่แตกต่างกันไป จึงขอให้องค์กรที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน ช่วยกันศึกษา และจะได้เปิดเพิ่มให้ได้มากขึ้น ประชาชนจะได้มีความมั่นใจ เพื่อเดินหน้ากิจการกิจกรรมในการเปิดประเทศได้.