“นภาพร” ส.ส.เสรีรวมไทย จี้ ยุติปิดหัวลำโพง ตั้งคำถามทำไมต้องรีบสั่งหยุดขบวนรถไฟทางไกล เหน็บ หรือจะมอบภาระค่าเดินทางแพงขึ้นเป็นของขวัญปีใหม่ประชาชน แนะพัฒนาสร้างรายได้เข้ารัฐ

วันที่ 30 พ.ย. 2564 น.ส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย แสดงความคิดเห็นผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กถึงกรณีปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือ หัวลำโพง ว่า ในฐานะกรรมาธิการการคมนาคม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อนำพื้นที่มาพัฒนาเป็นแหล่งธุรกิจของกระทรวงคมนาคมเอาไว้ก่อนจนกว่าจะได้ข้อสรุปจากการเปิดเวทีรับฟังความเห็นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะต้องเปิดเผยแผนการรับฟังความเห็นที่ชัดเจนออกมา เพราะไม่เช่นนั้นการรับฟังความเห็นจะเป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้กับผู้ที่ต้องการผลักดันโครงการเท่านั้น

น.ส.นภาพร ระบุต่อไปว่า กระทรวงคมนาคมต้องตอบคำถามให้ได้เสียก่อนว่าต้องการประโยชน์อะไรจากโครงการ ระหว่างการแก้ปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ กับการแก้ปัญหาการขาดทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพราะถ้าจะอ้างเรื่องหารายได้มาชดเชยการขาดทุนของการรถไฟฯ ทำไมต้องมาใช้ที่หัวลำโพงซึ่งเป็นพื้นที่ทางสัญลักษณ์ที่ทรงคุณค่า การรถไฟฯ ยังมีพื้นที่อื่นๆ อีกมากมายที่สามารถนำมาพัฒนาสร้างรายได้อีกมหาศาล ที่สำคัญ รัฐบาลควรพัฒนาให้การรถไฟฯ สามารถหารายได้ด้วยตัวเอง มากกว่าคิดแค่เพียงจะให้ใครมาแสวงหาผลประโยชน์

“ทำไมต้องรีบสั่งหยุดขบวนรถไฟทางไกลที่วิ่งระหว่างต่างจังหวัดกับหัวลำโพง ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. แล้วให้เหลือเพียงขบวนรถไฟวิ่งจากชานเมืองเข้าหัวลำโพงเพียง 22 ขบวน ทั้งที่ผลการรับฟังความเห็นยังไม่ได้เริ่มเลย แล้วคนต่างจังหวัดที่ต้องเดินทางเข้าออกหัวลำโพงจะทำอย่างไร ต้องมาลงที่บางซื่อแล้วเสียเงินขึ้นรถไฟฟ้าอีกต่อหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ที่คนต่างจังหวัดจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา อย่างนี้จะถือเป็นการมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนด้วยการสร้างความยากลำบากในการเดินทางและเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้นใช่หรือไม่”

...

อย่างไรก็ตาม ในตอนท้าย น.ส.นภาพร ระบุถึงการแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯ อันเนื่องมาจากจุดตัดขบวนรถไฟ ว่า สามารถแก้ได้ในหลายวิธี ส่วนตัวอยากให้รัฐบาลรักษาศูนย์กลางรถไฟแห่งเดิมเอาไว้ควบคู่ไปกับศูนย์กลางการเดินรถแห่งใหม่ที่บางซื่อเพื่อลดความแออัด โดยพัฒนาหัวลำโพงเป็นสถานีรถไฟท่องเที่ยวแห่งใหม่เพื่อสร้างรายได้เข้ารัฐ และยังคงการเป็นสถานีรถไฟเพื่อประชาชนเอาไว้ ซึ่งกรรมาธิการคมนาคมพร้อมที่จะรับข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องมาตรวจสอบหากมีการยื่นเรื่องเข้ามา.