รองโฆษกรัฐบาล รายงานสถานการณ์ยาโควิด-19 ฟาวิพิราเวียร์ คงเหลือ 21 ล้านเม็ด เรมเดซิเวียร์ มีอยู่ 7 หมื่นกว่าเม็ด ยืนยันเพียงพอ ขณะพรุ่งนี้ สธ. หารือเรื่องยาแพกซ์โลวิด กับไฟเซอร์ เป็นครั้งที่ 3

วันที่ 11 พ.ย. 2564 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการจัดหายาสำหรับรักษาโควิด-19 ว่า รัฐบาลมีการพิจารณาในการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้แล้ว ทั้งในส่วนของยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) และยาแพกซ์โลวิด (PAXLOVID) โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งการจัดซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ อยู่ภายใต้งบประมาณดังกล่าวดังกล่าวด้วย โดยจัดสรรงบประมาณให้กรมการแพทย์ 500 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และนำมาใช้ได้ในช่วง ธ.ค. 2564 หรือประมาณ ม.ค. 2565

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังเตรียมหารือกรณียาแพกซ์โลวิดร่วมกับบริษัท ไฟเซอร์ ครั้งที่ 3 ในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) ยืนยันว่า รัฐบาลจะพยายามจัดหายาที่มีคุณภาพสำหรับมารักษาผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งรองรับการเปิดประเทศให้เศรษฐกิจสามารถเดินหน้าต่อไปได้

ทั้งนี้ จากผลการทดสอบยาโมลนูพิราเวียร์และยาแพกซ์โลวิด พบมีประสิทธิผลช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ผลดี ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์ไหน และยังไม่พบว่ามีอาการข้างเคียงรุนแรง โดยยาโมลนูพิราเวียร์ สามารถช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาล หรือเสียชีวิตลง 50% ขณะที่ยาแพกซ์โลวิด ช่วยลดอาการรุนแรงจนต้องนอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตลง 89%

...

ในส่วนของยาที่ใช้อยู่ปัจจุบัน สถานการณ์ยา ณ วันที่ 4 พ.ย. 2564 พบว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) คงเหลือ 21 ล้านเม็ด และยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) คงเหลือ 7 หมื่นกว่าเม็ด เพียงพอต่อความจำเป็นในการรักษาผู้ป่วย

สำหรับการเข้าถึงชุดตรวจ ATK องค์การเภสัชกรรมได้เปิดจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 คุณภาพ ภายใต้โครงการ ATK คุณภาพเพื่อสังคมไทย ในราคาชุดละ 40 บาท เปิดช่องทางการจำหน่ายเพิ่มเติมในระบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.gpoplanet.com อีกครั้งในวันที่ 12 พ.ย. 2564 เปิดขายเวลา 08.00 น.

“แม้จะมีรักษาโควิด-19 แต่สิ่งสำคัญที่สุดประชาชนทุกคนยังต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข Universal Prevention หรือ การป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล เป็นการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลา ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง เพื่อลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ และให้ปลอดภัยจากโควิด-19 เป็นดีที่สุด”